เมื่อปี 2013 The Conjuring ของ James Wan ได้พลิกวงการหนังผีและหนังสยองขวัญทั่วโลก ความสำเร็จทั้งด้านคำวิจารณ์และรายได้ทำให้ค่ายหนังทำหนังขยายจักรวาล The Conjuring ตามมาแทบทุกปี ตั้งแต่ Annabelle (2014) ซึ่งพังหนักมาก, The Conjuring 2 (2016) ซึ่งดี เพราะ James Wan กำกับฯ แต่ยาวไปหน่อย ดูแล้วเหนื่อย, Annabelle: Creation (2017) ซึ่งแก้มือจากตุ๊กตาผีภาคแรกได้ดี, The Nun (2018) ซึ่งค่อนข้างผิดหวัง, The Curse of La Llorona (2019) ซึ่งเชื่อมโยงกับจักรวาลหลักน้อยสุดแต่ก็ได้อยู่, Annabelle Comes Home (2019) ซึ่งคนดูต้องร้องขอ… ขอให้ Annabelle พักเถอะ…
และล่าสุด The Conjuring 3: The Devil Made Me Do It ก็คลานตามมาในปี 2021 (เราดูใน HBO Go เมื่อเดือน ก.ย.) แต่ James Wan ไม่ได้กำกับเหมือนสองภาคแรก เขาแค่ร่วมเขียนบทภาคนี้ แล้วส่งต่อให้ Michael Chaves (ผู้กำกับ The Curse of La Llorona) มากุมบังเหียนแทน แต่ตัวเดินเรื่องยังเป็น Ed (Patrick Wilson) และ Lorraine Warren (Vera Farmiga) เจ้าเดิม และนอกจากสองสามีภรรยา Warrens ที่เป็นมาสคอตของเรื่องแล้ว จุดเด่นของ The Conjuring คือ “การสิง” กับ “ความรักในครอบครัว”
The Conjuring 3: The Devil Made Me Do It เล่าจากเหตุการณ์จริง เคสจริง ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1981 เมื่อ Warrens ไปช่วยไล่ผีออกจากเด็กชายวัย 11 ปี David (Julian Hilliard จาก The Haunting of Hill House) แต่ปีศาจ (หรือภูติผี วิญญาณ whatever) มาเข้าสิง Arne Cheyenne Johnson (Ruairi O’Connor จาก Teen Spirit) แฟนหนุ่มของ Debbie (Sarah Catherine Hook) พี่สาวของ David แทน แล้วต่อมาในงานปาร์ตี้ Arne ได้ฆ่า Bruno (Ronnie Gene Blevins) เจ้าของบ้านเช่าที่เขากับ Debbie อาศัยอยู่ จนกลายเป็นคดีดังกระฉ่อน เพราะเป็นคดีแรกที่จำเลยอ้างต่อศาลว่า “THE DEVIL MADE ME DO IT.”
โดยส่วนตัว เราคิดว่าเคสนี้ของ Warrens ค่อนข้างละเอียดอ่อนและมีช่องโหว่เยอะที่จะนำมาสร้างเป็นหนังสยองขวัญในจักรวาลนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เราพูดในฐานะเป็นกลาง การนำเคสนี้มาสร้างเป็นหนังใหญ่ สร้างคาแรกเตอร์ให้ Arne Cheyenne Johnson เป็นคนจิตใจดี และเล่าโต้ง ๆ เลยว่าถูกปีศาจครอบงำ เท่ากับหนังฟันธงไปแล้วว่า นั่นคือเรื่องจริง ซึ่งศาลหรือญาติของเหยื่ออาจไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้ (เช่นเดียวกับที่หมอทั้งหลายก็คงบอกว่า อาการผีสิงคืออาการป่วยทางจิตหรือความผิดปกติของสมอง แต่เคสนี้จริงจังกว่า เพราะมันไม่ใช่แค่เคสผีสิงและหลอกหลอนคนในครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งเท่านั้น หากแต่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมนอกบ้านผีสิงนั้น ๆ) และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ฆาตกรคนอื่น ๆ ทั้งแบบตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ (เช่น เมายาแล้วแทงคน) อ้างได้ว่า “ถูกผีสิง” (ในชีวิตจริง Arne ติดคุกจริงเพียง 5 ปีเท่านั้น)
สมมติว่าตัดประเด็นความละเอียดอ่อนข้างต้นออกไป เราก็ยังคิดว่า ความสยองขวัญของ The Conjuring 3: The Devil Made Me Do It ดร็อปอย่างชัดเจนมาก ๆ เมื่อเทียบกับสองภาคแรกที่กำกับโดย James Wan ส่วนหนึ่งอาจเพราะสเกลมันไม่ได้อยู่แค่ในบ้านหลังหนึ่ง ๆ หากแต่มีทั้งบ้านบาทหลวง มีทั้งคุกที่ Arne ถูกฝากขัง ฯลฯ มันจึงคอนโทรลบรรยากาศได้ยากขึ้น แล้วผู้กำกับยังเอาไม่อยู่ นอกจากนี้ภาคนี้ยังไปเน้นโชว์ศักยภาพหรือญาณทิพย์ของ Lorraine Warren มากเกินไป จนอีกนิดจะนึกว่าเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่, X-Men, หรือแฟนตาซีอยู่แล้ว แทนที่จะเน้นที่ความสัมพันธ์ของตัวละครเหมือนภาคก่อน ๆ มันจึงทำให้คนดูรู้สึก relate ได้น้อยลง
อย่างไรก็ตาม ความน่ากลัว-ไม่น่ากลัว ความสนุก-ไม่สนุก ความชอบ-ไม่ชอบ เป็นเรื่องปัจเจก ปัจจัย พื้นเพ และสภาพแวดล้อมของแต่ละคนแตกต่างกัน ความคิดเห็นอาจแตกต่างกัน อย่างเราเอง อย่างที่บอกไปข้างต้น เราดู The Conjuring 3: The Devil Made Me Do It ทาง HBO Go ด้วย ไม่ได้ดูในโรงเหมือนเรื่องอื่น ๆ ในจักรวาล ความน่ากลัวมันเลยอาจน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็นหากได้ได้ดูในโรง สุดท้ายแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมและวิจารณญาณของแต่ละคน เช่นเดียวกัน ณ ขณะที่ดูหรือเมื่อดูหนังจบแล้ว เราก็ต้องเชื่อไม่เชื่ออย่างมีวิจารณญาณ ฉันใดฉันนั้น
READ MORE: The True Story Behind ‘The Conjuring’
1 comment
Comments are closed.