เส้นเรื่องหลักใน The Creator ถูกเซตในปี 2070 ซึ่งเป็นยุคที่ AI หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งกับชุมชนและขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมของผู้คนใน “New Asia” (รวมถึงไทย) ในขณะที่โลกตะวันตกประกาศสงครามกับ AI หลังจาก AI สร้างความเสียหายครั้งใหญ่กับ LA เมื่อหลายปีก่อน โดยอเมริกาพยายามตามล่า “Nirmata” (ภาษาเนปาล แปลว่า “ผู้สร้าง” ซึ่ง ณ ที่นี้ หมายถึงผู้สร้าง AI) และยังสร้างยาน Nomad ขึ้น เพื่อตรวจหาและกำจัด AI จากบนฟากฟ้า
อดีตสายลับ Joshua (John David Washington จาก Tenet) ถูกเรียกตัวกลับไปทำภารกิจล้างบาง New Asia โดย Andrews (Ralph Ineson จาก The Witch) และ Howell (Allison Janney นักแสดงออสการ์จาก I, Tonya) นำข้อมูลมาหลอกล่อว่า Maya (Gemma Chan จาก Eternals) ภรรยาของเขา ที่เขาเชื่อว่าจากไปแล้วเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยังมีชีวิตอยู่ที่ New Asia โดย Joshua ได้รับคำสั่งให้ทำลายอาวุธพิฆาตชิ้นล่าสุดที่มีศักยภาพในการโค่นยาน Nomad ได้ แต่พอไปถึง เขาพบว่าอาวุธดังกล่าวคือ AI เด็กผู้หญิง (Madeleine Yuna Voyles) ที่มีพลังพิเศษ (เหมือน The Force) และดูเหมือนเธอจะรู้ว่า Maya อยู่ที่ไหน เขาจึงไม่ฆ่าเธอ และให้เธอนำทางไปหาภรรยาของเขา

ตั้งแต่ Monsters, Godzilla, Rogue One: A Star Wars Story ผู้กำกับอย่าง Gareth Edwards มีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดว่า เอเลี่ยน สัตว์ประหลาด และหุ่นยนต์ AI ต่างก็มีหัวใจหรือความรู้สึกนึกคิดเฉกเช่นมนุษย์ รวมถึงพยายามทำหนัง sci-fi ที่ถ่ายทอดสงครามและหายนะต่าง ๆ ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยในเรื่องนี้ เราว่าเขามีพัฒนาการในการบาลานซ์ระหว่างหนังแอ็คชั่น สงคราม และดราม่า ปรัชญา โดยประเด็นความเป็นมนุษย์ในเรื่องนี้ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้ชัดเจน
ธีมเด่นของเรื่องคือ ความกลัว AI จะครองโลกของมนุษย์ คล้าย ๆ กับความกลัว-ความเกลียดคนที่แตกต่าง เช่น ต่างชาติ โดยเฉพาะเอเชีย ซึ่งเป็นบ่อเกิดของสงครามหรือความขัดแย้ง และการพยายามแข่งกันด้วยอาวุธแสนยานุภาพต่าง ๆ ที่นำไปสู่การสูญเสียทรัพยากรและทำลายผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ (เช่นเดียวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สงครามเวียดนาม และหลาย ๆ สงครามในประวัติศาสตร์)
หนังพยายามบอกว่า ถึงเราจะแตกต่างกัน แต่เราต่างก็มีความรู้สึกนึกคิดและมีชีวิตจิตใจ ซึ่งไม่ใช่แค่การชี้ว่า AI ก็เหมือนคนเท่านั้น แต่หนังยังชี้ด้วยว่า คนเองก็มีความเหมือน AI เช่นเดียวกัน เช่น ทหาร ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ ที่ทำตามคำสั่งที่ถูกป้อนโดยเบื้องบน เหมือนกับหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายต่าง ๆ กัน เราต่างถูกสร้างมาเพื่อทำอะไรสักสิ่ง และบางครั้งเราก็ทำตามโดยไม่ยั้งคิด

นอกจากนี้ คนหลายคนก็มีความเชื่อในพระเจ้าผู้สร้าง เช่นเดียวกับ AI ที่มีผู้สร้าง ซึ่งในหนัง เราจะได้เห็นรูปปั้น AI ในเทวสถานหรือสถานที่สำคัญทางศาสนา ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่า เรากลับไม่รู้สึกว่ามันแปลก แต่ในทางตรงกันข้าม ณ นาทีนั้น เราดันเกิดความคิดขึ้นมาว่า เทพเจ้ากรีก รูปปั้นยักษ์ หรือกระทั่งพระพุทธรูป ที่เราเห็น ๆ กันอยู่ทุกวันนี้ดันมีความแปลกกว่ารูปปั้น AI นั้นเสียอีก เพราะถ้าพูดกันตามตรง สำหรับคนยุคหลัง ๆ อย่างเรา ๆ AI คือสิ่งที่เราเคยเห็น เคยสัมผัส เคยรู้จัก และรู้สึก connected มากกว่าเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เขาเชื่อต่อ ๆ กันมาเสียอีกด้วยซ้ำ
อีกสิ่งที่น่าสนใจในฐานะคนไทยสำหรับหนังเรื่องนี้ก็คือ หนังมีภาษาไทยเยอะ ทั้งภาษาพูด ภาษาถิ่น และภาษาเขียน ในหนังมีคนไทยเป็นตัวประกอบเยอะ อีกทั้งยังมีถ่ายทำที่ไทยหลายฉาก นักแสดงเด็กที่เป็นตัวหลักในเรื่องก็มีเชื้อสายไทย
โดยรวม The Creator จึงเป็นหนังที่ดีต่อใจเราประมาณหนึ่ง ให้ความรู้สึกบรรลุความเป็นมนุษย์เพิ่มไปอีกขั้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่า นี่เป็นหนังแอ็คชั่นไซไฟที่เราแนะนำให้พกใจและพกสมองเข้าไปในโรงด้วยไม่มากก็น้อย