The Fall Guy เป็นหนังที่สร้างมาเพื่อตอบโจทย์ความบันเทิงครบรส ทั้งแอ็คชั่น โรแมนติก และคอเมดี้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็น จดหมายรักของอดีตสตั๊นท์แมนสู่สตั๊นท์แมนและทีมคนกองอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ David Leitch ผู้กำกับของเรื่อง ก่อนจะมาสร้างชื่อกับการกำกับหนังแอ็คชั่นปัง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกำกับร่วมใน John Wick จนถึงขึ้นแท่นนั่งกำกับเต็มตัวใน Atomic Blonde, Deadpool 2, Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw, และ Bullet Train เขายังเคยเป็นสตันท์แมนมากว่า 20 ปี รวมถึงเคยเป็นสตันท์แมนให้ Brad Pitt มาถึง 5 ครั้ง
บทหนัง The Fall Guy ค่อนข้าง simple เพราะต้องการขายความบันเทิงและสดุดีคนเบื้องหลังอย่างสตันท์แมนจริง ๆ โดยพระเอกตัวจริงในเรื่องนี้คือ Colt Seavers (Ryan Gosling จาก La La Land และ Barbie) สตั๊นท์แมนเบอร์หนึ่งของพระเอกเบอร์หนึ่งอย่าง Tom Ryder (Aaron Taylor-Johnson จาก Kick-Ass) วันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุระหว่างการถ่ายทำ เขาปิดกั้นออกจากชีวิตเป็นเวลากว่าปีครึ่ง จนกระทั่งวันหนึ่ง Gail (Hannah Waddingham จาก Sex Education) โปรดิวเซอร์ใหญ่ของ Tom ติดต่อมาให้กลับไปเป็นสตันท์แมนให้ Tom อีกครั้งในหนังแอ็คชั่นไซไฟฟอร์มยักษ์ที่ Jody Moreno (Emily Blunt จาก A Quiet Place และ Oppenheimer) อดีตกิ๊กของเขา จะเดบิวต์เป็นผู้กำกับเต็มตัวครั้งแรกตามความฝันของเธอ แต่ปัญหาคือ พอมาถึงกองถ่าย Tom พระเอกคนดังดันหายตัวไป!
The Fall Guy อาจไม่ใช่หนังดีเด่นระดับออสการ์ แต่ก็มีคุณค่าตรงที่ช่วยยืนยันว่า การมีอยู่ของสตันท์แมนมันสำคัญต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์แค่ไหน พวกเขาสมควรได้รับการมองเห็นมากขึ้นอย่างไร และถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่เราควรมีรางวัลออสการ์สาขาสตันท์ยอดเยี่ยมเสียที
ดังนั้น สำหรับเรา วันนี้ The Fall Guy ชนะใจคนดูอย่างเรา และประสบความสำเร็จในการทำให้เรา… ซึ่งปกติเฉย ๆ กับหนังแอ็คชั่นและหนังคอเมดี้… ได้ทั้งยิ้มและทั้งหัวเราะแทบตลอดเรื่อง จนเราพูดได้เลยว่า The Fall Guy เป็นหนังที่เราอยากดูซ้ำ และต้องติด Top 10 หนังโปรดในดวงใจของเราในปีนี้ แน่นอน