มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งในชีวิตเราที่เราปฏิเสธหนังสงคราม แต่หลัง ๆ มา ตั้งแต่เราเปิดใจกับหนังแนวนี้ เราได้พบว่าหนังสงครามไม่ได้มีแต่ความรุนแรง โหดร้าย หรือหดหู่อย่างที่เราคิด หนังสงครามหลายเรื่องมี message เกี่ยวกับ antiwar, พาไปสำรวจจิตใจรวมถึงรำลึกถึงทหารกับครอบครัวของเขา, หรือนำเสนอเรื่องราวของฮีโร่คนเล็ก ๆ คนหนึ่งในสงครามอย่างน่าสนใจ เช่น ล่าสุดก็คือเรื่อง 1917 และ Hacksaw Ridge ที่เราชอบ เป็นหนังเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ตามลำดับ
*The Last Full Measure เป็นหนังสงคราม-ดราม่าเรื่องล่าสุดจากทีมผู้สร้าง *Hacksaw Ridge ซึ่งเคยนำเสนอเรื่องราวของ Desmond Doss ทหารเกณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไม่ยอมฆ่าศัตรู (?) เลยสักศพ แต่ช่วยชีวิตเพื่อนทหารไว้มากกว่า 75 ชีวิต โดยคราวนี้ ใน The Last Full Measure นี้ ทีมผู้สร้างจะพาไปรู้จักกับเรื่องราวของ William H. Pitsenbarger หน่วยพลร่มสังกัดกองทัพอากาศสหรัฐฯ (Air Force Airman) ที่โรยตัวลงมากลางสมรภูมิสงครามเวียดนามเพื่อช่วยทหารราบอีก 60 นายให้รอดชีวิตจากพวกเวียดกง จนเขาเสียชีวิตเองในวัยเพียง 21 ปี (*ทั้งสองเรื่องสร้างจากเรื่องจริง)
ดูเพิ่มเติม https://www.historyvshollywood.com/reelfaces/last-full-measure/
จริง ๆ ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่า The Last Full Measure ไม่ได้เน้นเล่าเรื่องราวของ William H. Pitsenbarger (Jeremy Irvine จาก Mamma Mia! Here We Go Again) โดยตรงหรอก หนังไม่ได้เซตอยู่ที่ฉากสงครามเป็นหลัก แต่หลัก ๆ เซตเรื่องอยู่ที่ปี 1999 เน้นเล่าเรื่องการต่อสู้เรียกร้องให้ Pitsenbarger ได้รับ Medal of Honor หรือเหรียญเกียรติยศชั้นสูงสุดของอเมริกา
ทนาย Scott Huffman (Sebastian Stan จาก Captain America: The Winter Soldier) ได้รับมอบหมายจาก Carlton Stanton (Bradley Whitford จาก Get Out) ให้ไปทำคดีดังกล่าว โดยไปหาข้อมูลทั้งปฐมภูมิและทุติยภูมิ รวมถึงสัมภาษณ์พูดคุยกับอดีตทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเมื่อสงครามเวียดนามปี 1966 ตั้งแต่ Tom Tulley (William Hurt จาก Kiss of the Spider Woman), Billy Takoda (Samuel L. Jackson จาก The Avengers), Jimmy Burr (Peter Fonda (ผลงานเรื่องสุดท้ายก่อนเสียชีวิต), Ray Mott (Ed Harris จาก The Truman Show), และ Chauncy Kepper (John Savage จาก The Thin Red Line)
แรก ๆ Huffman ก็ไม่ได้เต็มใจจะทำงานนี้นัก แต่ยิ่งพอได้พูดคุยกับเหล่าทหารที่ถูกช่วยชีวิตไว้โดยฮีโร่ผู้นี้ รวมถึงได้พูดคุยกับ Frank กับ Alice (Christopher Plummer จาก All the Money in the World และ Diane Ladd จาก Joy ตามลำดับ) พ่อแม่ของ William H. Pitsenbarger เขาก็เริ่มเปลี่ยนความคิดใหม่ และยิ่งขุดคุ้ยไปเจอความลับบางอย่างของภารกิจครั้งนั้นที่รัฐบาลปกปิดไว้
ถ้าเทียบกับ Hacksaw Ridge แล้ว สำหรับเรา The Last Full Measure ยังถือว่าด้อยกว่า คือในแง่ cinematic ยังไม่ได้ดีขนาดนั้น แต่ถ้าพูดในแง่ความรู้สึก แรงบันดาลใจ และการสดุดีฮีโร่ที่โลกลืม เราคิดว่า เขาทำได้ดี และมีหลายฉากที่ทัช กินใจ และทำเราน้ำตาคลอได้
ถึงแม้เราจะรู้สึกว่าบางประโยคมันดูประดิษฐ์ไปหน่อย เหมือนตั้งใจเขียนให้คม แต่ความรู้สึกของตัวละคร ไม่ว่ายังไง เราว่าเราสัมผัสได้ว่ามันเรียล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้พูดประโยคนั้น ๆ เป็นนักแสดงอาวุโสชั้นบรมครูมากฝีมือ ไม่ว่าจะเป็น ทหารที่เป็น PTSD จากเหตุการณ์ครั้งนั้น เพื่อนทหารผู้รู้สึกผิดที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วทำให้ Pitsenbarger ต้องตาย เพื่อนทหารที่ส่ง Pitsenbarger ลงไปจากฮ. หรือกระทั่งพ่อแม่ของ Pitsenbarger ที่ไม่มีโอกาสได้เห็น Pitsenbarger ได้ทำอะไรอีกมากมายในชีวิต เช่น แต่งงานและมีความสุขกับลูกกับหลาน
นอกจากนี้เราว่า หนังมันก็สร้างแรงบันดาลใจให้เราต่อสู้เพื่อคนอื่นบ้าง เช่น ทนาย Huffman ที่มีชีวิตดีอยู่แล้ว มีหน้าที่การงานที่มั่นคง มีภรรยา (Alison Sudol จาก Fantastic Beasts and Where to Find Them) และลูกเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม เขาตั้งคำถามว่า “เขาทำแล้ว เขาจะได้อะไร” แต่พอได้มารู้จักกับ Pitsenbarger ผู้ที่สละชีพโรยตัวลงมาช่วยทหารราบทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องทำ ได้เห็นพลังของคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่มีแรงกระเพื่อมต่อชีวิตของคนอื่นมากมายทั้งโดยตรงและโดยอ้อม มันก็เปลี่ยนมุมมองของเขาที่มีต่อโลกใบนี้ได้ เขาอาจจะถูกตัดสินจากสิ่งที่เขาทำ แต่สิ่งที่เขาเพิกเฉยต่างหากที่จะตามหลอกหลอนเขาไปตลอดชีวิต
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10