The Peanut Butter Falcon เป็นหนังอินดี้เล็ก ๆ ที่หารอบและโรงดูได้ยาก แต่ก็เป็นหนังอบอุ่น ฟีลกู๊ด และให้แรงบันดาลใจ ที่คุ้มค่าแก่การฝ่าแดด ฝ่าฝุ่น และฝ่าฝนตกรถติดไปดูอย่างยิ่ง
จุดชูโรงของ The Peanut Butter Falcon ไม่ใช่นักแสดงนำที่เป็นซูเปอร์สตาร์หรือโปรเฟสชันนัลทั้งหลาย หากแต่เป็น Zack Gottsagen นักแสดงหน้าใหม่ที่เป็นดาวน์ซินโดรม ซึ่งมารับบทในเรื่องเป็น Zak เด็กหนุ่มดาวน์ซินโดรมที่เป็นหัวใจหลักของเรื่อง
“Friends are the family you choose.”
เรื่องย่อ The Peanut Butter Falcon
Zak เป็นดาวน์ซินโดรมแต่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง และไม่มีที่ไป เขาจึงถูกรัฐส่งมาอยู่ที่สถานสงเคราะ์คนชรา วันหนึ่ง Zak หนีออกจากบ้านพักคนชรานั้นได้ โดยการช่วยเหลือของรูมเมท Carl (ผู้เข้าชิงออสการ์ Bruce Dern) ทำให้ Eleanor (Dakota Johnson จาก Fifty Shades of Grey) ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแล Zak ต้องออกไปให้ตามหา Zak กลับมา
Zak หนีออกมาแต่ตัว มีแค่กางเกงในติดตัวตัวเดียว และมีเป้าหมายที่จะเป็นฮีโร่หรือนักมวยปล้ำอย่างไอดอลของเขา Salt Water Redneck (ผู้เข้าชิงออสการ์ Thomas Haden Church) แต่โชคชะตาทำให้เขามาพบกับ Tyler (Shia LaBeouf จาก Transformers) ชาวประมงตกปูและตกอับ ที่กำลังถูกไล่ล่าโดย Duncan (ผู้เข้าชิงออสการ์ John Hawkes) และ Ratboy (แรปเปอร์ Yelawolf)
Zak & Tyler กลายมาเป็นคู่หูคู่เดินทางไปด้วยกัน แพลนคือ Tyler จะไปหางานใหม่ทำและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ Florida โดยระหว่างทางก็จะแวะไปส่ง Zak ก่อน ที่โรงเรียนสอนมวยปล้ำของ Salt Water Redneck ตามที่ Zak ดูโฆษณามาจากวิดีโอเทป
รีวิว / วิเคราะห์ / วิจารณ์ The Peanut Butter Falcon
Zack มีความฝันเหมือนหนุ่มสาวทั่ว ๆ ไป โดยเขาฝันอยากเป็นนักแสดง และเมื่อเขาได้มาเป็นนักแสดง เขาก็มาถ่ายทอดบทบาทของ Zak เด็กหนุ่มดาวน์ซินโดรมที่มีความฝันอยากเป็นนักมวยปล้ำ ทั้งนี้ ทั้ง Shia LaBeouf และ Dakota Johnson ซึ่งเป็นสองนักแสดงใหญ่ที่ต้องมาประกบ Zack ก็มีความพอดี เป็นธรรมชาติ แสดงเหมือนไม่ได้แสดง และไม่โดดเด่นเกินไป รวมถึงทุกองค์ประกอบในหนังก็ส่งให้ Zack ผู้ซึ่งป่วยเป็นดาวน์ซินโดรมทั้งในจอและนอกจอ ได้เจิดจรัสฉายแววและแสดงความสามารถอย่างเต็มที่
ด้วยอาการผิดปกติโดยกำเนิด ทำให้ Zak (ในหนัง) ต้องถูกดูถูกดูแคลน ถูกเหยียด และถูก bully ตลอดมาตั้งแต่จำความได้ ถ้าเขาไปบอกใครว่า “อยากเป็นฮีโร่ / จะเป็นนักมวยปล้ำ” เขาก็จะถูกหัวเราะเยาะ หรือโดยถากถางว่า “คนปัญญาอ่อนเป็นฮีโร่/นักกีฬาไม่ได้หรอก” มันเหมือนเขาไม่มีสิทธิที่จะตอบคำถามที่ว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” อย่างเด็กคนอื่นทั่วไป
หรือบางคน… ถึงแม้จะแสดงความเป็นห่วงเป็นใย เห็นอกเห็นใจ และไม่เคยพูดจาดูถูกดูแคลนเขา แต่ก็ปฏิบัติกับเขาเสมือนว่าเขาคนไม่ปกติอยู่ดี เช่น ไปห้ามให้เขาทำอะไรหรือไม่ทำอะไร ไปจำกัดขีดศักยภาพของเขา ฯลฯ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เราต้องเข้าใจเขาว่า ผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมอาจจะพัฒนาช้าแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่พัฒนาเลย
แน่นอนว่า Zak อาจจะทำไม่ได้ในหลาย ๆ อย่าง แต่ก็เช่นเดียวกับคนทั่วไป… ไม่มีใครเกิดมาแล้วทำได้หรือทำเป็นในทุก ๆ อย่าง แต่อย่างน้อย คนทุกคนเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษของใครของมัน เช่น Zak ก็มีพละกำลังมากกว่าผู้ชายกำยำหลายคน และมีทั้งพรสวรรค์-ทั้งแพชชั่นในกีฬามวยปล้ำ เพียงแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้โชว์มันออกมาและไม่มีโอกาสได้พัฒนามันจนกระทั่งได้หนีออกมาสู่โลกกว้างและมาเจอ Tyler
Tyler เองก็มีข้อบกพร่องและ broken มาไม่น้อยไปกว่า Zak เพราะเขาเพิ่งสูญเสีย Mark พี่ชายของเขา (Jon Bernthal จาก The Walking Dead) และสูญเสียช่องทางทำมาหากิน เขาจมอยู่กับความเศร้าและนึกโทษตัวเองอยู่เสมอ ชีวิตเขาดูเร่ร่อนไร้จุดหมายที่แน่ชัดจนกระทั่งมาเจอกับ Zak ที่ทำให้เขาได้มีโอกาสได้เริ่มต้นชีวิตใหม่และมีบัดดี้คนใหม่อีกครั้ง
ทั้ง Zak และ Tyler ต่างก็เป็นครอบครัวที่กันและกันต่างเลือกเอง และก็ได้เป็นฮีโร่ของกันและกัน แม้แต่ Zak ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีมาตลอด เพราะใคร ๆ ก็ว่าเขาปัญญาอ่อน และแม้แต่พ่อแม่แท้ ๆ เองก็ยังทิ้งเขาไป แต่จริง ๆ แล้วหัวใจที่ดีงาม ประกอบกับความเชื่อมั่นในตัวเขาจาก Tyler ก็ทำให้เขาได้เป็นฮีโร่ในที่สุด มันทำให้เราเชื่อว่าเราทุกคนล้วนเป็นฮีโร่หรือไอดอลของใครสักคนสักหนสักแห่งบนโลกใบนี้
Eleanor เป็นหญิงสาวที่ดูดีมีอนาคตที่สุดในบรรดาตัวละครทั้งเรื่อง เธอเรียนจบมหาวิทยาลัย และมาทำงานในสถานสงเคราะห์คนชรา เธอทำงานด้วยใจรัก แต่บางทีเธอก็ไม่โอเคกับการทำงานกับระบบ เธอทำหน้าที่ของเธออย่างดีที่สุดตามระบบ ตามคำสั่ง และตามขั้นตอนทุกอย่าง จนในที่สุดเธอก็ได้เรียนรู้ที่จะกระโดดออกนอกกรอบและเดินทางไปกับครอบครัวใหม่ของเธอ…
ทั้งสามไม่มีใครสมบูรณ์พร้อม และแทบไม่เหมือนกันเลย แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางอย่างที่เหมือนกันมาก ๆ ซึ่งความเหมือนนั้นเองทำให้เรารู้สึกว่า จริง ๆ แล้วครอบครัวมันไม่ต้องเหมือนกันไปทุกอย่าง อาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่เราอยู่ด้วยความเข้าใจ สนับสนุน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมาเติมเต็มซึ่งกันและกัน สุดท้ายเราก็ได้อยู่กับคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจและทำให้เราได้เป็นตัวของตัวเอง
The Peanut Butter Falcon เป็นหนังที่น่ารักและดีมาก ๆ ดูแล้วหัวใจพองโต หัวเราะและร้องไห้ไปพร้อม ๆ กัน มีความอบอุ่น ฟีลกู๊ด และสร้างแรงบันดาลใจให้เดินตามความฝัน เรียกได้ว่า ตอนนี้หนังเรื่องนี้ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งใน road/boat/raft trip movie ที่น่าจดจำและดีที่สุดตลอดกาลของเราอีกเรื่องหนึ่งไปแล้วเรียบร้อย
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8.5/10
94 comments
Comments are closed.