รีวิว The Suicide Squad: ลืมไปเลยเลยว่าเคยมี Suicide Squad

ถ้าสัปดาห์นี้ คุณยังไม่ได้ดู Black Widow แนะนำให้ดู Black Widow ก่อนดู The Suicide Squad (ถ้าอยากดูน่ะนะ) เพราะโดยส่วนตัว (และตามความคิดเห็นของคนอีกหลายคน) คิดว่าเรื่องหลังสนุกกว่ามาก มากชนิดที่พูดได้เลยว่า James Gunn ทำให้ Black Widow กลายเป็นหนังเด็กมหา’ลัย และทำให้ Suicide Squad (2016) กลายเป็นเศษเถ้าผงธุลีที่เหมือนไม่เคยมีอยู่จริง

James Gunn ทำให้ Black Widow กลายเป็นหนังเด็กมหา’ลัย และทำให้ Suicide Squad (2016) กลายเป็นเศษเถ้าผงธุลีที่เหมือนไม่เคยมีอยู่จริง

พูดถึง Suicide Squad หนังฮีโร่เรื่องนี้อาจเป็นความผิดหวังและความทรงจำอันว่างเปล่าสำหรับแฟน ๆ DC และหนังฮีโร่ทั่วโลก แต่หนังก็เป็นฝันร้ายของนักแสดงและ DC เองเช่นกัน เพราะไม่นานหลังจากความล้มเหลวนั้น DC ก็เริ่มโปรเจ็กต์ The Suicide Squad ซึ่งเป็นเสมือนทั้งกึ่ง Sequel และกึ่ง Remake แม้แต่ชื่อ Title ก็เหมือนกัน ต่างกันแค่ที่อันใหม่มี “The” แถมประจวบเหมาะพอดีที่ James Gunn (ผู้กำกับและคนเขียนบท Guardians of the Galaxy) ถูก Disney – Marvel ไล่ออกเพราะความคิดเห็น “ที่น่ารังเกียจ” ที่เขาทวีตเมื่อทศวรรษที่แล้ว DC จึงไปจีบให้เขามากู้หน้าให้ DC และเหล่าฮีโร่วายร้าย จนทำให้เราได้ดู The Suicide Squad หนังฮีโร่ที่โคตรสนุกและโคตรคูลที่สุดในรอบหลายปี

The Suicide Squad หนังฮีโร่ที่โคตรสนุกและโคตรคูลที่สุดในรอบหลายปี

The Suicide Squad กับ Guardians of the Galaxy มีลายเซ็นของ James Gunn ชัดเจน และกลิ่นอายของ Guardians of the Galaxy เยอะมาก ทั้งคาแรกเตอร์ตัวละครหลัก นักแสดงบางคน สไตล์ความกวนโอ๊ย WTF มุกตลกคณะสามช่า และเพลงมันส์ ๆ อันเปี่ยมล้นด้วยรสนิยม แต่ทว่า The Suicide Squad มีความเรทอาร์กว่ามาก ทั้งฉากเลือดสาดและเนื้อนมไข่ (เนื้อที่หมายถึงเนื้อ กระดูก เครื่องในและสมองจริง ๆ น่ะ) แบบที่เขาไม่มีทางทำได้ใต้หลังคาบ้าน Disney

เราไม่จำเป็นต้องดู Suicide Squad ภาคที่แป้กมาก่อนเพื่อที่จะมาดู The Suicide Squad ภาคที่ปังภาคนี้ หรือถ้าเคยดูอยู่แล้ว ก็ลืมหรือทิ้ง Suicide Squad อันเก่านั้นไปได้เลย เพราะ The Suicide Squad เริ่มเล่าภารกิจใหม่ของเหล่าวายร้ายที่ Amanda Waller (Viola Davis นักแสดงออสการ์จาก Fences) ฟอร์มทีมขึ้นมาใหม่แทบยกเซต

James Gunn คือผู้กำกับที่คูลมาก ๆ คนหนึ่งแห่งยุค

Colonel Rick Flag (Joel Kinnaman คนเดิมจากภาคแรก) ได้รับมอบหมายให้คุมทีมฮีโร่วายร้ายทีม A ได้แก่ Harley Quinn (Margot Robbie จาก Birds of Prey), Captain Boomerang (Jai Courtney จาก Terminator Genisys), Blackguard (Pete Davidson จาก Saturday Night Live), T.D.K. (Nathan Fillion จาก Castle), Javelin (Flula Borg จาก Pitch Perfect 2), Mongal (Mayling Ng จาก Wonder Woman), Weasel (Sean Gunn จาก Guardians of the Galaxy), และ Savant (Michael Rooker จาก Guardians of the Galaxy) ไปบุกทำลาย Project Starfish ของรัฐบาลเผด็จการ-รัฐประหารที่ประเทศ Corto Maltese ซึ่งเป็นเกาะอยู่ทางใต้ของอเมริกา

ตามด้วยทีม B นำโดย Bloodsport (Idris Elba จาก Thor), Peacemaker (John Cena จาก Bumblebee), Polka-Dot Man (David Dastmalchian จาก Ant-Man), Ratcatcher 2 (Daniela Melchior) ลูกสาวของ Ratcatcher (Taika Waititi จาก Jojo Rabbit), และ King Shark (Sylvester Stallone จาก Rambo)

Rats are the lowliest and most despised of all creatures, my love. But if they have purpose, so do we all.

เราจะเห็นได้ว่า กลุ่มฮีโร่วายร้ายตัวหลักต่างมีปูมหลังหรือมีมิติกันทั้งสิ้น เช่น Bloodsport ก็มีปมเรื่องการเป็นฮีโร่หรือ role model ของลูกสาววัยรุ่น, Ratcatcher 2 ก็มีปมเรื่องพ่อ, Polka-Dot Man ก็มีปมเรื่องแม่, หรือแม้แต่ครึ่งคนครึ่งฉลามอย่าง King Shark ก็มีพัฒนาการทางความสัมพันธ์ ซึ่งเขาจะมีจังหวะที่จะเผยสตอรี่เหล่านั้นอย่างมีชั้นเชิง ไม่ใช่แนะนำอย่างยัดเยียดเหมือนยัดปึกชีทใส่หัวคนดูก่อนเข้าห้องสอบ 5 นาทีอย่างที่ Suicide Squad เคยกระทำ ตรงกันข้าม James Gunn ใช้ฉากเปิดในการแนะนำตัวละครอย่างบรีฟ ๆ ทำให้เข้าเรื่องไว ไม่เวิ่นเว้อ แต่คนดูรู้สึกจดจำตัวละครต่าง ๆ ได้แม้บางตัวจะออกมาแค่ชั่วครู่ และมีการกระจายบทที่ค่อนข้างแฟร์ทั้งตัวหลัก ตัวรอง และตัวสมทบ พูดง่าย ๆ เขาสามารถพลิก “การกระจายบท” ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของภาคแรกมาทำเป็นจุดแข็งในภาคนี้ได้

เช่นเดียวกับหนังซูเปอร์ฮีโร่และหนังบล็อกบัสเตอร์ยุคหลัง ๆ The Suicide Squad มีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง (รวม post-credit ท้ายเรื่อง) แต่ James Gunn ทำให้ทุกนาทีคือความบันเทิง โบ๊ะบ๊ะสามช่า และภาพรวมของหนังคือความครบรส แถมแกงคนดูเก่งอีก จนเราต้องยอมรับว่า ในแง่ของความสามารถ James Gunn คือผู้กำกับที่คูลมาก ๆ คนหนึ่งแห่งยุค แล้วพอ DC ไฟเขียวให้จัดหนักจัดเต็มได้เต็มที่ เขาก็ไปสุดจริงแบบไม่มีอะไรกั้น กำไรก็มาตกที่คนดู เหมือน จ่ายค่าตั๋วหนึ่งร้อย แต่ผู้กำกับจัดให้หนึ่งล้าน

โดยสรุป The Suicide Squad คึอหนังบล็อกบัสเตอร์และหนังฮีโร่ที่สนุกที่สุดแห่งปี เอาไปเลย เต็มสิบไม่หัก จัดไป!

จ่ายค่าตั๋วหนึ่งร้อย แต่ผู้กำกับจัดให้หนึ่งล้าน