เมื่อมีคนถามว่า “ถ้าไม่เล่นเกม จะดูหนัง “The Up Rank อาชญาเกม” รู้เรื่องไหม?” กิต Three Man Down หนึ่งในนักแสดงนำของเรื่องได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจประมาณว่า เวลาดูหนังเกี่ยวกับหมอหรือทนาย คนที่ไม่ได้เป็นหมอหรือทนายก็ไม่ได้ตั้งคำถามว่าจะดูหนังเรื่องนั้นรู้เรื่องหรือไม่ ซึ่งนั่นก็เป็นคำตอบที่ดี แต่คำตอบนั้นจะคมและดีได้กว่านี้ ถ้าหนัง “The Up Rank อาชญาเกม” มันลงลึกกับวงการเกมอย่างที่หน้าหนังโปรโมตจริง ๆ
“The Up Rank อาชญาเกม” หนังไทยผลงานกำกับของ กัลป์ กัลย์จาฤก และ วทัญญู อิงควิวัฒน์ เล่าเรื่องของกลุ่มวัยรุ่นสายเกมเมอร์ที่เปิดธุรกิจ “รับปั๊มแรงค์ในเกม” โดยเดิมมีแค่ โฮม (เอม-ภูมิภัทร) ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการหาลูกค้าและแหล่งเงินทุน, พีท (แจ๊ค-กิตติศักดิ์) อดีตโปรเพลเยอร์, และทอย (มีน-สุดารัตน์) ซึ่งเป็นแอดมินเพจ ต่อมา ยู (กิต Three Man Down) เด็กติดเกมชั่วโมงบินสูง ได้เข้ามาอยู่ในกระบวนการด้วย เพราะอยากมีงานมีเงิน เพื่อจะได้หลุดพ้นจากคำดูถูกของพ่อ (ดู๋-สัญญา)

จุดแข็งของ “The Up Rank อาชญาเกม” คือเป็นหนังที่โปรดักชั่นและการถ่ายภาพสวยเกินค่าเฉลี่ยหนังไทยทั่วไปในท้องตลาด และแคสต์นักแสดงมาอย่างดี โดยเฉพาะ เอม-ภูมิภัทร ที่เป็น MVP และแบกหนังได้อยู่ แต่จุดอ่อนของหนังเรื่องนี้คือ หนังพยายามแตะปัญหาหรือด้านมืดของสังคมหลายจุดมากเกินไป เช่น ครอบครัว เศรษฐกิจ เงินกู้นอกระบบ คลิปหลุด รักสามเส้า ฯลฯ แต่ก็ทำได้แค่แตะ ๆ แต่ละประเด็น รวมถึงปมของแต่ละตัวละครเพียงผิวเผิน ส่วนแก่นสำคัญของหนังอย่าง “เกม” กลายเป็นแค่แบ็คกราวนด์อันเลือนราง
สุดท้ายแล้ว “The Up Rank อาชญาเกม” ไม่ได้เล่นประเด็น “ช่องโหว่ทางกฎหมายในการโกงวงการเกม” (การปั๊มแรงค์ผิดกฎเกมแต่ไม่ผิดกฎหมาย) และ “การตีแผ่ด้านมืดในวงการเกมเมอร์” อย่างที่ควรจะเป็น
ดังนั้น ถ้ามีใครถามเราเหมือนที่ถาม กิต Three Man Down ว่า “ถ้าไม่เล่นเกม จะดูรู้เรื่องไหม?” เราจะตอบแบบตรงไปตรงมาว่า “รู้เรื่อง เพราะหนังไม่ได้จริงจังอะไรกับเกมเลย เหมือนดูหนังวัยรุ่น coming-of-age เรื่องหนึ่ง ที่ตัวละครมันรับจ้างเล่นเกมให้คนอื่นเพื่อแลกเงิน” และเสริมว่า “แต่ก็เป็นหนังไทยที่ดูดีกว่าหนังไทยทั่วไป โดยเฉพาะโปรดักชั่นและการแสดง” โดยรวมจึงเป็นหนังที่ยังน่าสนับสนุนทีมงานและทีมนักแสดงเพื่อให้รันวงการหนังไทยกันต่อไป