หลังจากประสบปัญหาใหญ่รุมเร้า จนอดีตพระเอกดังอย่าง Brendan Fraser (จาก The Mummy) ต้องห่างหายหน้าไปจากวงการ วันนี้เขากลับมาอย่างยิ่งใหญ่ใน The Whale กับบท Charlie คุณพ่อที่เป็นโรคอ้วน เป็นเกย์ และใกล้ตาย
Charlie อาศัยและทำงานอยู่แต่ในห้องเล็ก ๆ ของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง เขาไม่เคยออกไปไหน เขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย สอนการเขียนเรียงความ (Essay Writing) ทางออนไลน์ และเขาไม่เคยเปิดกล้องให้นักเรียนเห็นหน้า
แขกคนประจำที่แวะเวียนมาหาเขาทุกวันคือ Liz (Hong Chau จาก The Menu) เพื่อนคนเดียวของเขาและทำอาชีพเป็นพยาบาล และคนส่งพิซซ่าที่เขาไม่เคยเห็นหน้ากัน แล้ววันหนึ่ง เขาก็มีแขกประจำขาใหม่ คือ Thomas (Ty Simpkins จาก Iron Man 3) มิชชันนารีหนุ่มที่อยากช่วยชี้ทางสว่างให้เขาเพื่อไถ่บาปตัวเอง และลูกสาวหัวแข็ง Ellie (Sadie Sink จาก Stranger Things) ซึ่งเป็นลูกที่กำเนิดจากภรรยาเก่าของเขา Mary (Samantha Morton)
นี่ไม่ใช่หนังเรื่องแรกของ Darren Aronofsky ที่แทรกประเด็นทางศาสนาหรือพระคัมภีนร์ไบเบิล ก่อนหน้านี้ยังมี Mother!, Noah ฯลฯ ซึ่งต้องบอกตรง ๆ ว่า เราก็ไม่ได้เข้าถึงหรืออินอะไรกับมันขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เราเข้าใจในตัวละครอย่างยิ่งก็คือ Charlie เป็นอาจารย์สอน Essay ที่ต้องอ่านและตรวจ Essay ของนักเรียนจำนวนมาก เราเข้าใจความเบื่อหน่ายที่ต้องอ่านอะไร ๆ ที่เหมือน ๆ กันไปหมด และไม่ค่อยเจอใครที่เขียนงานออกมาจากใจจริง (อาจเพราะกลัวว่าจะได้คะแนนน้อย หรืออะไรก็ตามแต่)
Essay ที่ Charlie ชอบมากที่สุด และหมั่นหยิบออกมาอ่านหรือท่องทวนซ้ำคือ Essay ของเด็กคนหนึ่งที่เขียนถึงนิยายคลาสสิก Moby Dick เพราะมันเป็นงานเขียนที่เขียนตรงไปตรงมาอย่างจริงใจและเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่า Charlie โหยหาความจริงใจเพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังขาดความจริงใจกับคนรอบข้างในหลาย ๆ ครั้ง เช่น เขาอายในรูปลักษณ์ของตัวเองจนต้องโกหกนักเรียนว่ากล้องเสียและไม่เคยเปิดกล้องให้นักเรียนเห็นหน้าเลยสักคลาส
ดังนั้นชื่อหนัง The Whale จึงไม่ได้หมายถึงแค่รูปร่างของ Charlie ในปัจจุบันที่ใหญ่คับห้องเท่านั้น แต่ยังหมายถึงวาฬในนิยาย Moby Dick นั้นอีกด้วย ซึ่งเจ้าวาฬตัวนี้มักเป็นสัญลักษณ์ของเป้าหมายหรือความปรารถนาอันแรงกล้าของคนเพื่อตอบสนองความต้องการลึก ๆ ของตัวเอง เช่นเดียวกับ Charlie ที่พยายามหาทางคืนดีและทำตัวดีกับลูกสาวเพื่อไถ่บาปในอดีตและทำสิ่งที่ถูกต้องสักครั้งก่อนตาย
จุดเด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้คือ Brendan Fraser ที่นอกจากจะแต่งเป็นคนอ้วนมากจนชวนอึดอัดคับอกคับใจที่สุดแล้ว สิ่งที่ทำให้เราอินได้ยิ่งกว่าคือการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเขา โดยเฉพาะจากแววตาของเขา และการแสดงของอีกคนที่น่าจดจำคือ Hong Chau ที่เล่นได้คมและขโมยซีนได้ทุกฉาก ซึ่งทั้งคู่ก็ได้เข้าชิงออสการ์คนละตัว และเราคิดว่า Brendan Fraser สมมงนำชายปีนี้มาก ถ้ากรรมการไม่โอนเอียงจนเกินไป เราคิดว่าเขาเหมาะจะได้ออสการ์มากกว่าน้อง Elvis จริง ๆ นะ