ธี่หยด 2 เล่าเรื่อง 3 ปีต่อมาหลังการตายของแย้ม (มิ้ม-รัตนวดี) โดยภาคนี้ เอาใจคนดูสุด ๆ กับการเน้นขายคาแรกเตอร์พี่ยักษ์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) สุด ๆ ไปเลย ทั้งความบู๊ ความฮา และปากจัด กับการเดินทางเข้าป่าไปตามล่าผีชุดดำของเขา ซึ่งเรารู้สึกว่า ณเดชน์ดูม่วนจอยกับการเล่นบทนี้จริง ๆ นะ
ตั้งแต่ภาคแรก จะเห็นได้ว่า ธี่หยด ไม่ได้เน้นขายความหลอนหรือสยองขวัญตามรอยนิยาย “ธี่หยด… แว่วเสียงครวญคลั่ง” หรือเรื่องเล่าบน Pantip กับ The Ghost Radio แต่เลือกจัดหนักกับฉากแอ็คชั่นคนกับผี แบบตาต่อตาฟันต่อฟันผสมหมอผีอาคมนิดหน่อย บทไม่ได้อะไรมาก เน้นด่าผี เอามันส์ บ้าดีเดือด ไปให้สุดแล้วหยุดที่ต่อยผี

หนังภาค 2 เน้นตอบโจทย์ความบันเทิงครบรสมากขึ้น รวม ๆ หนังไม่หลอนเท่าภาคแรก เพราะเน้นขายบู๊ ขายฮา ขายตลก และเน้นขายณเดชน์แบบตะโกนไปเลย โดยคาแรกเตอร์พี่ยักษ์ชัดขึ้น ลดดราม่าครอบครัวที่ไม่จำเป็น เพิ่มความบู๊หนักกว่าเดิม และเพิ่มดีกรีความฮา แล้วจังหวะมุกตลกมันได้ซะด้วย มีซีนน่าจดจำเยอะ เช่น “กูบินมา” และฉากหนีผีของน้องยี่ (นีน่า-ณัฐชา) เราก็ชอบฉากน้องใช้ร่มสู้ผี และฉากที่เหมือนเด็กใน Jurassic World สักภาค คือชื่นชมเลยว่า น้องโคตรเก่ง เอาอยู่ ฉายเดี่ยวได้ฉลุย
โดยส่วนตัว เราไม่ค่อยชอบฉากเข้าป่าสไตล์อังกอร์สักเท่าไหร่ เราคิดว่า การสร้างบรรยากาศในพื้นที่เปิดของเขายังทำได้ไม่ขลังเท่าในพื้นที่ปิด เช่น ฉากในบ้านกับฉากในโรงแรม แต่โดยรวม ยังสนุกอยู่ ยังชอบอยู่
ธี่หยด ไม่ใช่แค่เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ฉายในโรง IMAX เต็มรูปแบบเท่านั้น แต่เขายังทำถึง เสียงสวดมนต์ธี่หยดธี่หลอนหูไปอีกสามวันเจ็ดวัน เพราะมิกซ์เสียงได้หลอนกระหึ่มเต็มหูแบบ 12-Channel ระบบซาวนด์รอบทิศทางยิ่งกว่าเดิม และถ่ายทำด้วยสัดส่วนภาพพิเศษ เต็มจอยักษ์ IMAX ตลอดทั้งเรื่อง อีกทั้งช็อตการถ่าย-กำกับภาพที่ดูอินเตอร์ โปรดักชั่นที่ทำถึง หลายช็อตนึกถึงหนังฝรั่งในตำนาน เช่น ฉากในโรงแรมก็นึกถึง The Shining (1980) ถือเป็นการยกระดับวงการภาพยนตร์ไทยไปอีกขั้น
ธี่หยด 2 ถือเป็นหนังไทยภาคต่อที่ต่อยอดความสำเร็จจากภาคแรกได้ดี ไม่แป้ก หรือสักแต่ทำมาเพื่อแค่โกยเงิน ยังเป็นหนังผีไทยที่ดูสนุกที่สุดในรอบหลายปี ถึงแม้บางที ก็ควรจะจัดไปอยู่หมวดหนังบู๊ หนังตลก มากกว่าหนังผีก็ตาม