Transformers: Rise of the Beasts ถือเป็นหนัง TF ลำดับที่ 7 ของแฟรนไชส์ นับตั้งแต่ ภาค 1-3 ที่นำโดย Shia LaBeouf ตามด้วย ภาค 4-5 ที่นำโดย Mark Wahlberg ซึ่งแต่ละภาคก็แย่ลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้ Hailee Steinfeld สาวน้อยมหัศจรรย์กับ Bumblebee ในยุค ’80 มาช่วยกอบกู้วิกฤติได้ในหนังภาคแยกของแฟรนไชส์เมื่อปลายปี 2018 แต่ก็ใช้เวลาเกือบ 5 ปี (อาจเพราะโควิดด้วย) กว่าจะมี Rise of the Beasts ตามมา ซึ่ง ณ ตอนนี้ คำวิจารณ์ก็ยังอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ภาคก่อน Bumblebee
ความหฤหรรษ์คือ ทั้ง Bumblebee และ Rise of the Beasts ที่ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกมากขึ้นนั้น ไม่ได้กำกับโดย Michael Bay (แต่ Michael Bay ก็ยังคุมแท่นโปรดิวซ์อยู่) อย่าง Rise of the Beasts นี้ก็กำกับโดย Steven Caple Jr. (จาก Creed II) ทำให้หนังมีความวินาศสันตะโรและฉากแอ็คชั่นระเบิดระเบ้อน้อยลง แล้วไปใส่ความเป็นมนุษย์มากขึ้นให้กับแฟรนไชส์ หุ่นต่าง ๆ ก็มีคาแรกเตอร์และความเท่ชัดเจนมากขึ้น เสียงพากย์ก็ดูมีหลากหลายเพศและสำเนียงมากขึ้น

Rise of the Beasts เปิดตัวแก๊ง Maximals หุ่นยนต์ที่แปลงร่างเป็นเหมือนสัตว์ใหญ่อาศัยเนียน ๆ อยู่ตามธรรมชาติ ได้แก่ Optimus Primal, Rhinox, Cheetor, และ Airazor แต่อย่างไรก็ตาม กว่าแก๊งนี้จะมีบทบาทจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนที่ทุกคนออกจากนิวยอร์กไปเปรู ซึ่งก็ใช้เวลาปาไปแล้วครึ่งเรื่อง สุดท้ายแล้ว แก๊ง Autobots ที่นำโดย Optimus Prime ก็ยังคงเป็นหุ่นยนต์ตัวหลักของเรื่อง ภารกิจหลัก ๆ ในภาคนี้ของ Autobots คือ ต้องตามหา Transwarp Key กุญแจที่พวกเขาจะใช้วาร์ปกลับบ้านได้ให้เจอก่อนฝ่าย Terrorcons ที่นำโดย Scourge เพราะฝ่ายนี้จะใช้กุญแจเบิกทางให้ Unicron บอสใหญ่ได้กินดาวเคราะห์ใดใดในจักรวาล รวมถึงดาวโลก ได้แบบบุฟเฟ่ต์
Autobots ในภาคนี้ ก็มีสมาชิกทั้งหน้าเก่าที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง Bumblebee และหน้าใหม่ ๆ อย่าง Arcee (เป็นครั้งแรกที่มีหุ่นเอเลี่ยนผู้หญิงที่มีบทบาทน่าจดจำแบบจริง ๆ จัง ๆ) และ Mirage ซึ่งเป็นตัวที่หนังพยายามชูให้เด่นกว่า Bumblebee โดยให้เป็นคู่หูคู่ใจของ Noah Diaz (Anthony Ramos) หนุ่มชาวบรู๊คลินเชื้อสายละติน ซึ่งเป็นตัวเอกฝั่งมนุษย์ประจำภาคนี้ ประกบกับ Elena Wallace (Dominique Fishback) สาวบรู๊คลินเชื้อสายแอฟริกัน โดยเรื่องราวดำเนินในปี 1994 (ก่อนเรื่องราวของ TF ภาคแรก)
โดยส่วนตัวมองว่า การให้ตัวละครเอกเป็นชนกลุ่มน้อยหรือคนผิวสีในอเมริกาจริง ๆ มันมีสตอรี่สู้ชีวิตที่น่าเชื่อถือและน่าเอาใจช่วยกว่าตัวละครชายแท้ผิวขาว เช่น ต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าคนอื่น ๆ อย่างในเรื่องนี้ Noah ก็ต้องหางานและใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพื่อหาเงินมาจ่ายค่ารักษาอาการป่วยเรื้อรังของ Kris (Dean Scott Vazquez) น้องชายวัย 11 ปี ส่วน Elena ก็เป็นเด็กฝึกงานในพิพิธภัณฑ์ มีความฉลาดและตั้งใจทำงานแต่ต้องรับใช้เจ้านายหญิงผิวขาวที่ไร้ความสามารถและขาดความเอาใจใส่ในหน้าที่การงานอย่างแท้จริง
โดยรวม Rise of the Beasts เป็นหนังตระกูล TF ที่ดีกว่า TF ยุคหลัง ๆ ที่กำกับโดย Michael Bay โดยเฉพาะภาค 4-5 ที่ถูกด่ายับ ชนิด Mark Wahlberg ยังไม่ขอรับเล่นต่อ (เว้นแต่คุณเป็นพวกบ้าฉากระเบิด เมืองถล่มแบบวินาศสันตะโร คุณอาจจะบอกว่า Rise of the Beasts น่าเบื่อ) แต่ในส่วนของบทและองค์ประกอบต่าง ๆ ยังสู้ Bumblebee ไม่ได้ ทำให้ Rise of the Beasts เป็นแค่หนังแอ็คชั่นที่พอดูได้เท่านั้น