เราเป็นคนชอบดูหนังมหันตภัยทำลายล้างโลกมาแต่เด็ก ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าหนังมันไม่มีพล็อตอะไร ไม่ว่าจะเป็น Twister, Deep Impact, The Day After Tomorrow, The Perfect Storm, 2012, The Impossible ฯลฯ และปีนี้ก็ถึงคิวของ San Andreas หนัง drama-thriller แนว disaster เกี่ยวกับแผ่นดินไหวและสึนามิที่ California
เรื่องย่อ San Andreas
รอยเลื่อนซานแอนเดรส (San Andreas Fault) อยู่ใต้แผ่นดิน California มานานแล้ว (ตามหลักคือ 28 ล้านปี) Dr. Lawrence Hayes (Paul Giamatti) กับ Dr. Kim Park (Will Yun Lee) แห่งแคลเทค เคยตั้งทฤษฎีและทำนายไว้นานแล้วว่ารอยเลื่อนดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดหายนะร้ายแรงกับเมืองฮอลลีวูด แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครสนใจ จนกระทั่งมันเกิดขึ้นจริง ด้วยความรุนแรงทะลุ 9 ริกเตอร์!
Ray Gaines (Dwayne Johnson หรือ The Rock จาก Journey 2: The Mysterious Island, G.I. Joe, Fast & Furious) หัวหน้านักบินหน่วยกู้ภัยร่างบึ้ก ขับฮ. ไปช่วย “ว่าที่” อดีตภรรยา Emma (Carla Gugino จาก Night at the Museum, Watchmen, Sin City) จากภัตตาคารบนตึกสูงระฟ้า
ทั้งสองพากันขับฮ. ไป San Francisco เพื่อช่วยลูกสาวสุดที่รัก Blake (Alexandra Daddario จาก Percy Jackson) หลังจากที่ Daniel Riddick (Ioan Gruffudd จาก Titanic, Fantastic Four) มหาเศรษฐีแฟนใหม่ของ Emma วิ่งหนีเอาตัวรอดและทิ้งเธอให้ติดแหง็กอยู่ในลานจอดรถใต้อาคารคนเดียว
โชคดีที่สองพี่น้องชาวอังกฤษ Ben (Hugo Johnstone-Burt) กับ Ollie (Art Parkinson จาก Dracula Untold, Love, Rosie หรือเจ้าหนู Stark คนเล็กในซีรีส์ Game of Thrones) มาช่วย Blake ออกจากลานจอดรถนั้นได้ทันก่อนที่ตึกจะถล่ม ทั้งสามช่วยกันเอาตัวรอดและพยายามหาทางพากันไปพบกับพ่อแม่ของ Blake ที่กำลังขับฮ. มาช่วย ท่ามกลางวิกฤต After Shock และสึนามิที่กำลังถล่ม San Francisco
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ San Andreas
หนัง disaster มักจะมีตัวฮีโร่อยู่อย่างน้อย 1 คน บางเรื่องสร้างให้ฮีโร่เป็นฮีโร่ของคนทั้งเมืองเป็นหลัก เน้นช่วยเหลือส่วนรวมก่อนส่วนตน บางเรื่องสร้างให้ฮีโร่เป็นฮีโร่เสาหลักของครอบครัว เน้นทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนในครอบครัวหรือคนที่ตนรักอยู่รอดก่อน ส่วนคนอื่นๆ ก็ช่วยบ้างตามโอกาสจะอำนวย ซึ่ง San Andreas เป็นหนังฮีโร่ประเภทหลัง และแน่นอนว่า Dwayne Johnson หรือ The Rock ของเราเป็นฮีโร่ของลูกเมีย แล้วเราก็ไม่เห็นความยากลำบากใจของเขาเลยสักนิดที่จะต้องเลือกระหว่างครอบครัวกับประชาชน อืม…
หนังเปิดตัวให้ The Rock อย่าง Grand Opening แต่ไม่ได้เป็นฉากที่มีความสลักสำคัญอะไรกับเรื่องมากนัก เหมือนมีเอาไว้เพื่อปูแบ็คกราวนด์ให้คนดูรู้ว่าพระเอกของเราเป็นใคร ทำอะไรได้บ้าง และมีปัจจัยพื้นฐานอะไรบ้างที่จะพาทุกคนเอาตัวรอดในมหันตภัยครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ เสร็จแล้วก็ปูต่อไปที่ปมดราม่าของพระเอกว่าสถานการณ์ครอบครัวตอนนี้เป็นอย่างไร ซึ่งเล่าเรื่องเอื่อยๆ เรื่อยๆ และเป็นปมที่ดูแล้วเดาตอนจบได้ง่าย (เพราะซ้ำและเชยมาก)
แต่ความดีงามของครอบครัวนี้คือ ลูกสาว The Rock ดูมๆ มาก นมสะท้านแผ่นดินสะเทือน ใครที่ดูโรง IMAX ขึ้นไป รับรองว่าคงอิ่มนมไปอีกนาน (พิสูจน์ความตู้มแบบ naked ของ Alexandra Daddario เพิ่มเติมได้โดย Google คำว่า “alexandra daddario true detective”)
ความสนุกคือเราต้องช่วยลุ้นให้กำลังใจกับตัวละครว่าจะรอดไม่รอด จะเจอไม่เจอ หรือจะทำได้มั้ย ทำได้หรือเปล่า~ พร้อมกับเรียนรู้วิธีการเอาตัวรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างนี้ไปในตัวด้วย โดยการเอาตัวรอดขั้นพื้นฐานที่ปุถุชนอย่างเราพอจะเลียนแบบได้จริงก็จะเลคเชอร์โดย Alexandra Daddario หรือ Paul Giamatti ที่เล่นเป็นด็อกเตอร์สายเฉพาะ แต่การเอาตัวรอดขั้นแอดวานซ์สไตล์ The Rock นั่นก็ ‘วานซ์ ไปเลย ‘วานซ์ชนิดว่ากูยอมใจ คือดูแล้วรู้สึกว่า นี่กูต้องไปเรียนขับเรือ ขับเครื่องบิน หรือหาพ่อหาผัวเป็น The Rock ก่อนใช่มั้ย กูถึงจะไม่ตายเวลาเจออะไรแบบนี้เนี่ย (ขนาดเมีย The Rock ยังขับเรือเป็นเลย กูนี่อึ้งเลย ผัวมึงสอนหรอ!)
และตามสูตร มีฮีโร่ก็ต้องมีตัวร้าย Ioan Gruffudd รับบทเป็น Daniel Riddick แฟนใหม่ของเมียพระเอก หนังปูให้เราชัดเจนว่ารวยล้นฟ้า ตั้งแต่คฤหาสถ์หลังงาม เครื่องบินส่วนตัว และบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นที่ทำงานในฝันของสถาปนิกหรือวิศวกรทั่วโลก แต่ด้วยหน้าของ Ioan Gruffudd ที่เห็นปุ๊บก็รู้ว่าอีนี่ตัวโกงแน่ๆ เราจึงไม่มีอะไรต้องลุ้นมาก รู้แต่แรกแล้วว่าอีตาคนนี้ต้องเป็นตัวแทนของมนุษยชาติกลุ่มที่ “เห็นแก่ตัว เอาแต่ตัวรอด” อย่างที่หนัง disaster ทุกเรื่องต้องมีอย่างน้อย 1 ตัว (แต่สุดท้ายคนกลุ่มนี้ก็ไม่มีความสำคัญอะไรกับเส้นเรื่องมากอยู่ดี เพราะตัวร้ายที่แท้จริงของเรื่องนี้ แน่นอนว่า ย่อมเป็น “ธรรมชาติ” หาใช่มนุษย์ไม่)
หลังจากหนังปูปูมหลังครอบครัว The Rock จนครบ Family Tree แล้ว ลูกสาวฮีโร่ก็ต้องมีกิ๊กตามสูตรสำเร็จ ดังนั้นหนังก็จะมา introduce เราให้รู้จักกับชายหนุ่มอังกฤษที่เห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บแล้วว่าเหตุการณ์ต่อไปคู่นี้จะปิ๊งกัน โดยหนังก็ใจดีปูพื้นให้เสร็จสรรพว่าว่าที่ลูกเขย The Rock เป็นใคร มาจากไหน และฉลาดอย่างไร คือหนังพยายามโชว์ให้คนดูประทับใจในความฉลาดของคนนี้อย่างชัดเจน ซึ่งเราก็ชอบผู้ชายแบบนี้จริงๆ นะ เสียดายที่ Hugo Johnstone-Burt ไม่หล่อดึงดูดใจเราเท่าไรนัก
ผู้ชายที่ดึงดูดสายตาเราได้มากที่สุดคือเจ้าหนู Ollie หรือ Art Parkinson พูดเลยว่า เด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งดูน่ารัก แถมเล่นหนังเก่งซะด้วย แถมบทบาทในเรื่องนี้ยังน่ารักน่าชังมากๆ อีกต่างหาก เราเชื่อว่าอีกไม่นาน น้องคนนี้เกิดแน่นอน (ตอนเล่น Game of Thrones นี่นึกว่านางเป็นใบ้)
ส่วนฝั่งด็อกเตอร์แห่งแคลเทค จะเป็นช่วงที่น่าเบื่อของเรื่องเล็กน้อย ส่วนใหญ่ด็อกเตอร์ก็เลคเชอร์ไปตามบท ตัวประกอบคนอื่นๆ ในซีนก็เล่นแข็งๆ แต่ไม่มีอะไรมาก เหมือนเป็นซีนที่มีไว้ให้คนดูพักหายใจหายคอ และตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวหนักขนาดนั้นที่ California
เวลาพูดถึงแผ่นดินไหวหรือสึนามิ หลายคนก็คงคิดถึงญี่ปุ่นที่มีภูเขาไฟ หรือไม่ก็ล่าสุดที่ประเทศเนปาล (เออ หนังเข้าติดๆ กับเหตุการณ์ที่เนปาลเลยเนาะ) เพราะรอยเลื่อนบริเวณนั้นค่อนข้างเป็นที่รู้จักในตำราเรียน แต่จริงๆ แล้วที่อเมริกาก็มีประวัติการเกิดแผ่นดินไหวมาหลายต่อหลายครั้งมาตั้งแต่ปี 1700 และส่วนใหญ่ก็เกิดที่ California นี้เองนี่แหละ แต่โดยทั่วไปก็ไม่ได้รุนแรงอะไรมาก บ่อยครั้งที่ไหวแต่คนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ก็มีหลายครั้งอยู่เหมือนกันที่ไหวรุนแรงหลายริกเตอร์และสร้างความเสียหายอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ทั้งนี้เพราะ San Andreas Fault ซึ่งเกิดจากการเฉี่ยวกันของแผ่นเปลือกโลก the North American กับแผ่นเปลือกโลก Pacific อยู่ตรงแถว California มากว่า 28 ล้านปีแล้ว (แต่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อปี 1895) ตอนนี้ยาวประมาณ 800 ไมล์ ลึกประมาณ 10 ไมล์ อย่างล่าสุดที่ California ก็เพิ่งไหวไปเมื่อ ส.ค. 2014 ถึง 6 ริกเตอร์ (เพื่อนเราอยู่ที่นั่นพอดี เราเลย concerned มาก นี่ดูไปก็คิดถึงเพื่อนเราที่เรียนอยู่ที่นั่นตลอด)
เหตุการณ์แผ่นดินไหวในหนัง ก็เกิดที่ NV และ CA ตามที่ถูกบันทึกประวัติแผ่นดินไหว แต่แค่สเกลริกเตอร์รุนแรงกว่าที่เคยเจอจริงอยู่หลายเท่า ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะเป็นไปได้หรือไม่ คงต้องติดตามจากผู้เชี่ยวชาญกันต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ความน่ากลัวคือ เทคโนโลยีที่เรามีในปัจจุบันยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า 100% ว่าแผ่นดินไหวครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นอีกที่ไหนเมื่อไหร่นั่นเอง
READ MORE: List of earthquakes and tsunamis in the United States และ San Andreas Fault Homepage
โดยสรุป หนัง San Andreas เอาเรื่องราวและความเป็นไปได้ดังกล่าวมาร้อยเรียงเป็นหนัง disaster เรื่องใหม่ที่ไม่มีอะไรใหม่ กล่าวคือ มันก็มาตามสูตรหนัง disaster ที่เคยดูมาแทบทุกประการนั่นเลย แถมค่อนไปทางดิสโธเปียแบบโลกสวยอีกด้วย ในส่วนของพล็อตดราม่าครอบครัวที่สอดแทรกเข้ามาในเรื่องก็ไม่ได้พีคอะไร แต่นักแสดงนำก็เล่นดีตามที่บทจะอำนวย ที่สำคัญที่สุดคือ กล้ามของ The Rock และนมของ Alexandra Daddario นี่เป็นจุดขายของหนังได้อย่างดี
ส่วนจุดแข็งของหนัง San Andreas คือ ฉากการหลบหนีของหนังมันระทึกครบทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยซีจีและเอฟเฟ็กต์เขาจัดเต็ม อลังการยิ่งใหญ่ คือจัดเป็นหนังที่ดูเอามันได้ ยิ่งใครที่ชอบหนังแนวนี้อยู่แล้ว เราคิดว่าก็คงดูสนุกดูบันเทิงไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิคและเทคโนโลยีสมัยใหม่นี้ เขาเนรมิตภาพทำลายล้างให้แฟนหนังได้ระห่ำสะใจกว่าหนัง disaster เรื่องก่อนๆ ได้อยู่แล้ว เอาเป็นว่า คุ้มอยู่ ไม่เสียดายกะตังค์
คะแนนตามความชอบส่วนตัว เราให้ 7.5/10 (มีคะแนนพิเศษจากน้มนมนางเอกและความน่ารักของนักแสดงเด็กนิดหน่อย อิอิ)
80 comments