เมื่อปี 2012 เราถูกเพื่อนหลอกล่อไปดูหนังผีเรื่อง Sinister แบบไม่รู้อะไรเลย และตอนนี้ก็จำอะไรเกี่ยวกับหนังไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่าไม่ชอบตอนจบ จนนี่ก็ล่วงเลยผ่านมา 3 ปีละ ก็ไม่คิดว่าในที่สุดเขาก็สร้าง Sinister 2 ต่อ
อะ ก็ไปดูซะหน่อย ว่าหนังมันจะทำอะไรไปไหนได้อีก
“There’s always three things involved. A murdered family, a house, and some form of offering.”
เรื่องย่อ Sinister 2
อดีตนายอำเภอ (James Ransone จาก Sinister) มารับช่วงต่อสืบหาเบื้องหลังการตายของครอบครัว Oswalt ซึ่งเป็นเพื่อนรักของเขา (Oswalt เป็นตัวละครหลักในภาคแรก) จนได้มารู้จักกับ Courtney Collins (Shannyn Sossamon) คุณแม่ยังสาวที่พาลูกชายฝาแฝด Dylan (Robert Daniel Sloan) และ Zach (Dartanian Sloan) ย้ายหนี Clint (Lea Coco) สามีผู้โมโหร้ายที่ชอบทุบตีลูกเมีย
เนื่องจากสามแม่ลูกอาศัยอยู่ในบ้านที่เคยเกิดเหตุฆาตกรรมยกครัวแต่มีเด็กหายไปคนนึงเช่นเดียวกับครอบครัว Oswalt เด็กชายฝาแฝดจึงถูกตามหลอกหลอนด้วยบรรดาผีเด็กที่พยายามชักจูงให้พวกเขาดูวิดีโอประหลาดๆ ทุกคืนๆ (เช่นเดียวกับลูกสาวของ Oswalt ในภาคที่แล้ว) ดังนั้น อดีตนายอำเภอหนุ่มจึงต้องพยายามช่วยสามแม่ลูกไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบครอบครัวของเพื่อนเขา
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Sinister 2
เราเข้าไปดู Sinister 2 แบบไม่คาดหวัง จริงๆ ถ้าพูดให้ถูกคือ ปกติเราก็ไม่ค่อยคาดหวังกับหนังผีฝรั่งเท่าไหร่อยู่แล้ว ผีฝรั่งส่วนใหญ่จะเป็นแนวภูติผีปิศาจที่เกี่ยวกับลัทธิหรือความเชื่อในตำนาน ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่า แบบผีไทยน่ากลัวกว่า
หนังผีฝรั่งหลายเรื่องที่เคยดูนั้นแทบไม่มีอะไรเลย คือนอกจากจะไม่น่ากลัวแล้วเนื้อหายังไม่มีอะไรอีก แถมยังค่อนข้างทุนต่ำกันแทบทุกเรื่อง อย่างล่าสุดดู Annabelle, Oculus, หรือ Ouija ก็ไม่ชอบอย่างแรง แต่หนังผีฝรั่งบางเรื่อง เราก็ชอบนะ ล่าสุดที่โดนๆ หน่อยก็มี The Conjuring, Jessabelle, Babadook, และ It Follows
สำหรับ Sinister 2 ก็เป็นหนังภาคต่อจาก Sinister ซึ่งถ้าจำไม่ผิด ก็ไม่ดีไม่แย่ (อย่างน้อยก็ดีกว่า Annabelle, Oculus, หรือ Ouija ที่กล่าวมาข้างต้น) ไม่จำเป็นต้องเคยดู Sinister ภาคแรกมาก่อน ก็สามารถดูภาค 2 นี้รู้เรื่อง ดีไม่ดี อาจจะดูสนุกกว่าคนที่เคยดูภาคแรกมาก่อนด้วยซ้ำ เพราะคนที่เคยดูภาคแรกมา จะรู้ว่าผีเด็กคืออะไร แล้วตัว Bughuul หรือ Mr. Boogey (Nicholas King จาก Sinister) ต้องการอะไร อย่างไร
ในความรู้สึกส่วนตัว เราเป็นคนแอบกลัวผีนะ ตกใจก็ง่าย แต่สำหรับ Sinister 2 นี้ เรากลับรู้สึกเฉยๆ มันไม่รู้สึกหลอน และไม่น่ากลัวอย่างที่คิด (หรือเพราะเราเคยเจอ The Conjuring, Babadook, It Follows ซึ่งหลอนสุดๆ มาก่อนแล้วก็ไม่รู้) ที่ตกใจก็เห็นจะเป็นความตุ้งแช่ๆ ของมันนี่แหละ ค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน แต่ฉากที่เล่นกับเงา เฉยมาก ไม่สุดสักซีน
ที่น่ากลัวที่สุดก็น่าจะเป็นฉากในวิดีโอ Super 8 ที่บางม้วนเราก็ต้องปิดตาเพราะทนดูความโหดร้ายของการฆาตกรรมทั้งหลายแหล่ของมันไม่ได้ โดยเฉพาะม้วนที่ถ่ายในโบสถ์นี่แหยะสุด ถึงแม้จะเคยเห็นอะไรแบบนี้มาจากหนังเรื่องอื่นแล้วก็เถอะ (แต่เอาเข้าจริง ก็เปิดตาดูได้นะ ไม่ได้โหดร้ายมาก จริงๆ มันควรพีคได้อีก)
ความน่ากลัวของหนังมันไม่ค่อยพุ่ง เพราะหนังยังสร้างบรรยากาศได้ไม่ดี แถมยังแย่หนักเข้าไปอีกตรงที่พยายามไปให้ความสำคัญกับฉากกุ๊กกิ๊กของคุณอดีตนายอำเภอ (จนกระทั่งภาคนี้มันยังไม่มีชื่อเรียก) กับแม่ม่ายลูกติดมากไปหน่อย จนเกือบจะหลายเป็นหนังรักที่มีผีและเด็กเป็นตัวประกอบ
อีกอย่าง ในเรื่องนี้ เท่าที่เห็น ก็ไม่มีการแสดงของใครโดดเด่นกระเด้งเข้าตาแบบคุณแม่กับคุณลูกในเรื่อง Babadook ดังนั้น พลังของหนังเรื่องนี้มันก็เลยยิ่งแผ่วลงเข้าไปอีก แต่ก็ยังดีที่หนูน้อยฝาแฝดในเรื่องนี้หน้าตาน่ารักน่าชัง พอเป็นอาหารตาให้คลายเบื่อไปได้บ้าง
โดยสรุป Sinister 2 ไม่น่ากลัว หรือจะพูดให้ถูกก็คือ มันแทบไม่มีอะไรเลย นอกจากเขาจะมาเล่าเรื่องการล่าเหยื่อเด็กรายใหม่…และครอบครัวใหม่…ของเจ้าปิศาจ Bughuul ก็เท่านั้น
ซึ่งแน่นอนว่า คนที่รู้เรื่องราวภาคแรกมาแล้ว ก็แทบไม่มีอะไรต้องค้นหาจากหนังเลย ได้แต่ช่วยลุ้นอยู่ห่างๆ ว่าเจ้าหนูจะสู้กับปิศาจในใจตัวเองได้หรือไม่ และหนีพวกผีเหล่านี้พ้นหรือไม่ โดยหนังมีจุดพยายามหักมุมตามสูตรนะ แต่ออกมาค่อนข้างแป้ก และไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกใดใดเลย
อย่างไรก็ตาม Sinister และ Sinister 2 ก็มีสารเล็กๆ ที่ผู้ปกครองควรตระหนักถึง นั่นก็คือ การที่หนังพยายามจะสื่อว่า พฤติกรรมและความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะพ่อแม่ มีอิทธิพลอย่างไรต่อเด็กๆ
นอกจากนี้ สื่อมีเดียต่างๆ เช่น โทรทัศน์หรือภาพยนตร์ ก็เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมของเด็กไม่แพ้กัน ซึ่งผู้ปกครองควรให้คำแนะนำลูกหลานของท่านอย่างใกล้ชิด…
… คอยดูให้ดีว่าเขากำลัง “ดู” อะไร และ “เห็น” อะไร …
Sinister 2 เข้าฉายรอบพิเศษ (sneak preview) หลัง 20.00 ตั้งแต่ 1-7 ต.ค. และฉายจริง 8 ต.ค. เป็นต้นไป
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 6/10 – พอดูได้ ไม่ดีไม่แย่ แต่ภาคแรกสนุกกว่า – แต่ดูเหมือนนางจำภาคต่อ ไอเดียนางยังเล่นได้อีก รอดูกันไป
32 comments