Spider-Man: Far from Home เป็นหนังปิดท้ายเฟสสามของจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวล โดยเป็นเรื่องราว Post-Endgame กล่าวคือ หลังจากที่ทุกคน “Blip” หายไปห้าปีหลังลุง Thanos ดีดนิ้ว และกลับมาอีกครั้ง Peter Parker (Tom Holland จาก The Impossible) และผองเพื่อน ก็กลับมาเรียนไฮสคูลด้วยกันอีกครั้ง
Peter ใน Far from Home นี้ มีสิ่งว้าวุ่นใจหลายอย่าง มีความสับสนในตนเอง พร้อมกับฮอร์โมนส์วัยรุ่นที่พลุ่งพล่าน (จริง ๆ Tom Holland อายุ 23 หยก ๆ แล้ว แต่ก็ยังเล่นเป็นเด็กไฮสคูลอายุ 16 ได้เนียนมาก) ตั้งแต่ความคิดถึง Tony Stark, การรับแรงกดดันและความคาดหวังจากสังคม ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Avengers ที่เพิ่งกอบกู้โลกมา และโอกาสที่จะเป็น The next Iron Man ในขณะที่เขาก็อยากเป็นแค่ฮีโร่ตัวเล็ก ๆ รับผิดชอบงานฮีโร่สเกลเล็ก ๆ แค่ในย่านควีนส์บ้านเกิด และมีชีวิตปกติธรรมดาเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป เช่น การไปเที่ยวกับเพื่อน หรือการจีบสาวร่วมชั้นที่เขาหลงรัก ฯลฯ
ตามชื่อเรื่อง Far from Home เลย ภาคนี้ Peter จะไปไกลจากนิวยอร์ก (ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเคยไป Civil War ที่เยอรมัน และไปไฟต์เพื่ออัญมณีที่นอกโลกมาแล้วก็ตาม) โดยทริปนี้เขาบินลัดฟ้าไปยุโรป ซึ่งเป็น school trip กับครูและเพื่อน ๆ ร่วมชั้นอีกกระจุกหนึ่ง แต่ระหว่างทริป เขาก็ต้องไปช่วย Quentin Beck หรือ Mysterio (Jake Gyllenhaal จาก Nightcrawler) ฮีโร่ใหม่จากอีกมิติหนึ่ง ปราบอสูรสี่ธาตุ ดินน้ำลมไฟ ซึ่งกำลังออกอาละวาด หนังแบ่งออกเป็น 3 องก์ 3 เมืองใหญ่หลัก ๆ ในยุโรป คือ Venice, Praque, และ London
Peter มีแพลนระหว่างทริปยุโรป ที่จะเผยความรู้สึกที่เขามีต่อ MJ (Zendaya จาก The Greatest Showman) แต่เขาก็มีอุปสรรคคือ คู่แข่งหัวใจอย่าง Brad (Remy Hii จาก Crazy Rich Asians) แถมยังถูก Nick Fury (Samuel L. Jackson จาก The Hateful Eight) และ Maria Hill (Cobie Smulders จาก Jack Reacher: Never Go Back) เรียกตัวไปทำงานด้วยอีกตลอดเวลา
และเนื่องจากเขาต้องวาร์ปไปวาร์ปมา เพื่อนรักของเขา Ned (Jacob Batalon) ก็คอยช่วยแก้ต่างและปิดบังตัวตนให้ Peter เหมือนเดิม โดยภาคนี้ Ned ก็มีแฟนสาวแล้วคือ Betty (Angourie Rice จาก The Nice Guys) ส่วน Aunt May (Marisa Tomei จาก The Wrestler) ป้าของเขา ก็กุ๊กกิ๊กกับ Happy (Jon Favreau จาก Iron Man) อดีตผู้ช่วยของ Tony Stark อีกด้วย
เราชอบ Spider-Man: Far from Home ตรงที่ ในขณะที่มันจะพยายามเล่นใหญ่ขึ้นในสไตล์ฺมาร์เวล และอัพสเกลให้ Peter Parker อย่างที่ Spider-Man เวอร์ชั่นใดใดไม่เคยทำมันมาก่อน แต่ก็ยังคงสตอรี่ของ Spider-Man ที่มีความเป็นฮีโร่สเกล neighborhood กับ Peter Parker ที่มีความเป็นเด็กไฮสคูลเอาไว้ ทั้งประเด็นเพื่อน ประเด็นความรัก ประเด็นครอบครัว และประเด็นการก้ามข้ามผ่านวัย (coming-of-age)
ใครไม่ชอบหนังที่มีรักกุ๊กกิ๊ก หรือฟีลแอบรักแอบชอบ หรือแข่งกันจีบสาวในชั้น อาจจะไม่อินในหลาย ๆ เวลาของหนัง แต่สำหรับเรา เราอินกับนุ้ง Tom Holland และนุ้งเค้าก็แสดงได้ดีจริง ส่วน Zendaya ก็เป็น MJ ในแบบฉบับที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน และเธอก็ทำได้ดี เพื่อน ๆ ในกลุ่มของพระนางเรา ทุกคนก็มีคาแรกเตอร์ และสร้างสีสันให้กับหนังกันตลอดเรื่อง
ความน่าสงสารคือ Spider-Man เป็นฮีโร่ที่ยังเป็นเด็ก ไม่มีทีมจริงจังและไม่มีอาวุธไฮเทค (ยกเว้นที่ Tony Stark ทำมาให้ในช่วงหลังมานี้) บ่อยครั้งเขาต้องสู้คนเดียว ตัวคนเดียว แต่ก็ยังโชคดีหน่อย มีเพื่อน มีป้า มีแฮปปี้ และมีฟิวรี่ นอกจากนี้ Iron Man ก็มีอิทธิพลต่อความคิด อารมณ์ และความรู้สึกของเขามาก จนทำให้เขารู้สึกกดดัน และสับสนในเรื่องของการเป็นตัวของตัวเองในบางเวลา
แต่ถึงแม้บางครั้งเจ้าเด็ก Peter จะน่าตีกบาล แต่สุดท้าย เมื่อเขารู้ตัวว่าตัวเองผิด หรือทำอะไรพลาดพลั้งไป เขาก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมารับผิดชอบและแก้ไขให้มันถูกต้องในทันที เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเลยที่เราหวังว่าคนดูทุกเพศทุกวัยจะเรียนรู้และเอาเยี่ยงอย่างไอ้แมงมุมคนนี้
สำหรับเรา หนังติดอยู่เรื่องเดียวจริง ๆ คือ มันมีความโอเวอร์จนยากจะชวนเชื่อหลายสิ่งอย่าง บทมีช่องโหว่พอสมควร แต่บางทีก็เป็นที่เราเองที่หักเลี้ยวตามหนังไม่ทันแล้วก็เหวอ ๆ ของเราไปเอง (เล่าลงลึกมากไม่ได้ เพราะเสี่ยงต่อการสปอยล์) บางทีหนังก็เกือบจะเหลือสิ่งเดียวที่สมจริง นั่นคือซีจี (CGI) แต่อีกมุมหนึ่ง เราก็มองว่า มันก็เออดี… หนังเลือกที่จะไปไกลแล้วก็ไปไกลให้ไกลสุดโต่งไปเลย และทำให้มันสนุกแบบมันจัดเต็มไปเลย แบบนี้อะโอเค
ในส่วนของความสนุกความบันเทิงเนี่ย ต้องยอมรับว่าเขาทำหนังออกมาได้สนุกมากจริง ๆ แทบไม่มีสักวินาทีที่รู้สึกเบื่อ มุกตลกเยอะมาก จะสามช่าสี่ช่า หรือปังน้อยปังมากไม่ว่ากัน แต่เท่าที่ดูคือมันไม่แป้กเลย ดูไปก็หัวเราะไปและปรบมือให้บ่อยมาก หักลบกลบหนี้ต่าง ๆ แล้ว โดยรวมคิดว่า ข้อดีชนะข้อด้อยทุกประการ สรุปคือ ข้อดีโดดเด่น ข้อด้อยให้อภัยได้ และเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่เราชอบมาก ดูแล้วแฮปปี้ คุ้มค่าทั้งเวลาและค่าตั๋ว
สุดท้ายท้ายสุด หนังมีแถมให้ดูต่ออีกนิดหน่อยตรงส่วน post credit ทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน โดยทั้ง 2 ตัว เราการันตีว่ายังไงก็ควรดู เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องของยูนิเวิร์สทั้งสิ้น บอกเลยว่า ถ้าไม่ดูคือพลาด ถ้าไม่ดูเหมือนเราดูหนังไม่ครบไม่จบไม่คุ้ม อันนี้คือพูดจริง ไม่ได้พูดเล่น หรือหลอกให้นั่งรอดูจนวินาทีสุดท้ายแล้วตีหัวคนดูแต่อย่างใด
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8.5/10
40 comments
Comments are closed.