เรียกได้ว่า 2015 เป็นปีทองของหนังเฟมินิสต์เลยก็ว่าได้ หนังบางเรื่องอาจจะไม่ได้เป็นหนังเฟมินิสต์โดยตรงแต่ก็ได้ใส่ตัวละครพลังหญิงเข้าไปเป็นตัวละครหลักอย่างน้อยหนึ่งคน แม้แต่ Star Wars ภาคล่าสุดก็ยังเน้นพลังหญิง ทั้งๆ ที่ภาคก่อนๆ แทบไม่มีตัวละครเป็นผู้หญิงเลยนอกจาก Princess
สำหรับบล็อกนี้ เราได้รวบรวม “ผู้หญิงสุดสตรอง” จากหนังหลายๆ เรื่องที่เราดูตลอดปี 2015 (ย้ำว่า “จากหนังที่เราดู”) ทั้งจากหนังเฟมินิสต์โดยตรง และหนังทั่วๆ ไป แต่ละนางที่เราตัดเลือกมาต่างก็สตรองกันไปคนละแบบคนละบทบาท
ถ้าตกหล่นสาวคนไหนไปบ้าง ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
หมายเหตุ
-
เรียงอันดับจากลำดับหนังที่เราดูตลอดปี 2015 ไม่เกี่ยวกับระดับความสตรองของสาวๆ แต่ใดใดทั้งสิ้น
-
ถ้าใครสนใจสาวคนไหนหรือหนังเรื่องไหนในลิสต์เป็นกรณีพิเศษ สามารถกดคลิกไปที่ชื่อนักแสดงหรือชื่อหนังเรื่องนั้นๆ ได้เลย
1. Margaret Keane (Amy Adams) – Big Eyes
หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของ Margaret Keane จิตรกรม่ายสาวซิงเกิลมัม ที่หาเลี้ยงชีพด้วยการวาดรูปอย่างยากลำบากเพราะสมัยนั้นผู้หญิงยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าผู้ชาย เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน เธอยังต้องต่อสู้ช่วงชิงความยุติธรรมกับสามีที่ฉวยโอกาสสวมรอยเป็นคนเจ้าของผลงานศิลปะ “เด็กหญิงตาโต” ทั้งหลายของเธอ
จากบทบาทดังกล่าว ทำให้ Amy Adams คว้ารางวัล “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม: ประเภทตลกหรือเพลง” จากเวทีลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 72 (Golden Globe Award 2015) อีกด้วย
2. Joan Clarke (Keira Knightley) – The Imitation Game
ในสมัยสงครามโลก ลูกสาวต้องอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ และผู้หญิงก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมให้ทำงานในตำแหน่งสำคัญๆ แต่ Joan Clarke เป็นตัวแทนสตรีที่พยายามไฟต์กับการถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพด้านการทำงาน
เธอแอบมาสมัครงานตามประกาศของ Alan Turing (Benedict Cumberbatch) และสามารถทำบททดสอบได้ดีกว่าผู้ชายทุกคนในห้อง เธอมีความคิดความฉลาดประหนึ่งเป็น Alan Turing ในร่างสตรี ยกเว้นพฤติกรรมที่จะสดใสกว่าและเข้าสังคมเก่งกว่า คือไม่ได้ geek แท้ขนาดเขา
และบทดังกล่าวก็ได้นำพานางเอก Keira Knightley ไปเข้าชิงทั้งลูกโลกทองคำและตุ๊กตาทองออสการ์อย่างสวยๆ
3. Jane Hawking (Felicity Jones) – The Theory of Everything
ความรักที่ Jane มีต่อ Stephen นั้นน่ายกย่อง ในวันที่ Stephen รู้ตัวว่าป่วยใกล้ตาย เธอมีสิทธิเดินออกไปจากชีวิตเขา และไปหาผู้ชายดีๆ คนใหม่ใน Cambridge อีกกี่คนก็ได้ แต่เธอก็ยังยืนยันว่าเธอรักและยอมเสียสละความสุขวัยสาวสะพรั่ง พิสูจน์ความรักโดยการแต่งงานอยู่กินกับคนใกล้ทุพพลภาพอย่าง Stephen Hawking
ซึ่งต้องขอบคุณความสตรองของ Jane ที่อดทนทำ Thesis ป.โทไปด้วย เลี้ยงสามีและลูกไปด้วยอย่างอดทน ทำให้ Stephen อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ สร้างประโยชน์ต่อวงการวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันเหลือคณานับ
Felicity Jones เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำ, SAG Awards, และออสการ์ สุดยอดจริงๆ
4. Jane (Sarah Snook) – Predestination
Jane เด็กกำพร้าไอคิวสูง ขยันเรียนหนังสือจนจบแล้วไปสมัครคัดเลือกเข้าร่วมโครงการนักบินหญิงที่ Space Corp (ซึ่งภายหลังมาทราบว่าเขาไม่ได้เปิดโอกาสให้ผู้หญิงทำงานจริงหรอก เขาแค่ต้องการหานักบินหญิงเพื่อไปเป็นเครื่องบำบัดทางเพศให้นักบินอวกาศชายข้างบน) อย่างไรก็ตาม สุดท้าย Jane ก็ไปไม่ถึงดวงดาวเพราะผลการตรวจสุขภาพของเธอผิดปกติ เธอจึงต้องออกมาทำงานรับจ้างเป็นแม่บ้านพร้อมกับเรียนภาคค่ำ มิหนำซ้ำ เธอยังท้องไม่มีพ่อ คลอดลูกได้ไม่กี่วัน ลูกก็ถูกขโมยไปจากโรงพยาบาลอีกต่างหาก
แต่ Jane ก็ยังดำรงชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสตรองจริงๆ จนกระทั่งมาเจอบาร์เทนเดอร์ (Ethan Hawke) ที่พาเธอย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต
หมายเหตุ Predestination ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในหนังไซไฟย้อนเวลาที่ดีที่สุดแห่งยุค
5. Ella (Lily James) – Cinderella
Cinderella เป็นหนึ่งในตัวละครหญิงในเทพนิยายดิสนีย์ที่เราอยากให้เด็กผู้หญิงหลายคนดูเป็นตัวอย่าง เพราะความแข็งแกร่งของนางซินฯ มาจากข้างใน ซึ่งนั่นอาจจะทรงพลังยิ่งกว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพเสียอีก และมันยังเป็นความแข็งแกร่ง…ที่เราเชื่อว่า…ผู้หญิงทุกคนก็สามารถมีมันได้
นางซินฯ ไม่ได้เกิดมาเป็น Princess เลือดสีน้ำเงินโดยกำเนิด เป็นเพียงคุณหนูสามัญชนตกอับที่ถูกโขกสับโดยแม่เลี้ยงใจยักษ์และพี่สาวใจร้าย แต่สุดท้ายความสตรอง ความกล้าหาญ และเมตตาธรรมก็ทำให้ตอนจบเธอได้เป็น Queen เคียงคู่กับ King (หรือ Prince) ผู้เพียบพร้อมและเป็นที่รักของเธอ Happily Ever After
นอกจากนี้ นางซินฯ เวอร์ชั่นนี้สตรองกว่าเวอร์ชั่นอื่นๆ ตรงที่ เธอลิขิตชีวิตและเลือกชีวิตของเธอเอง ลบภาพนางซินฯ ที่อ่อนแอไปแทบสิ้น ซึ่งเรามองว่าดีนะ เพราะความอ่อนแอหรือความเจ้าน้ำตาของผู้หญิงมันทำได้ก็แต่ทำให้คนดูหรือคนอ่านสงสารเวทนาเท่านั้น เราต้องฉลาด มีเหตุผล และพยายามดิ้นรนเพื่อตัวเอง เราต้องสตรอง
6. Tris (Shailene Woodley) – Insurgent
Tris เป็นเด็กสาวที่กล้าลิขิตทางเดินชีวิตของตัวเอง เธอสละครอบครัวจากกลุ่ม Abnegation ไปอยู่กลุ่ม Dauntless และพยายามไฟต์ทั้งร่างกายและจิตใจให้สตรองอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะได้อยู่กับกลุ่มผู้กล้าเหล่านี้ได้ ก่อนที่จะมาค้นพบว่าเธอเป็น Divergence ที่สมบูรณ์แบบที่สุดและสามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้
แต่ข้อเสียคือ เนื่องจากนางเป็นไดเวอร์เจนซ์ 100% มีความฉลาด เสียสละ และกล้าหาญ แต่ในขณะเดียวกันก็จะค่อนข้างงี่เง่า ดื้อรั้น อารมณ์ร้อน หรือพูดง่ายๆ คือบางครั้ง “ความสามารถในการควบคุมสภาวะทางอารมณ์” ของนางยังต่ำอยู่สำหรับการเป็นผู้นำ
นอกจาก Tris แล้ว ใน Insurgent ยังมีผู้หญิงสตรองอีกหลายคน โดยเฉพาะในกลุ่ม Dauntless และบรรดาตัวแม่ที่เป็นผู้นำของกลุ่มต่างๆ เช่น Jeanine (Kate Winslet) แห่ง Erudite, Evelyn (Naomi Watts) ผู้นำของกลุ่ม Factionless, และ Johanna (Octavia Spencer) หัวหน้ากลุ่ม Amity
7. Julie (Sally Hawkins) – X Plus Y
Julie เป็นซิงเกิลมังที่สตรอง ตั้งแต่สามีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ เธอก็ต้องดูแล Nathan (Asa Butterfield) ลูกชายที่เป็นโรคออทิสติกตัวคนเดียวอย่างยากลำบาก เพราะเธอไม่สามารถเข้าถึงลูกชายซึ่งเป็นเด็กพิเศษได้เลย
เธอพยายามเติมเต็มและทำให้ลูกชายทุกอย่าง แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน Nathan ก็ไม่เคยเข้าใจความรักที่เธอพยายามหยิบยื่นให้ ส่วนหนึ่งเพราะสื่อสารกันคนละภาษา เธอไม่เข้าใจคณิตศาสตร์เหมือนสามีกับลูกชาย Nathan บอกว่าแม่ไม่ฉลาดพอที่จะสอนเขาได้ จึงไม่เปิดใจคุยด้วยเหมือนตอนคุยกับพ่อหรือครูสอนเลข แต่ Julie ก็ไม่ยอมแพ้ เธอก็พยายามเรียนรู้และใช้ภาษาเนิร์ดคุยกับลูกชายจนลูกก็ยอมเปิดใจด้วยในที่สุด
ซึ่งทุกฉาก ทุกซีนอารมณ์ Sally Hawkins ถ่ายทอดปัญหาของความเป็นแม่ของเด็กมีปัญหาออกมาได้ดีมาก อินตามจนน้ำตาไหล เห็นใจนางตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องจริงจัง
8. Letty (Michelle Rodriguez) จาก Furious 7
Fast and Furious เป็นหนังที่มีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติ สีผิว และเพศเสมอมา โดย Michelle Rodriguez หรือ Letty ก็ได้บทเด่น เป็นกุญแจสำคัญ และมีซีนต่อสู้เท่ๆ ที่น่าจดจำกันทุกภาคที่เธอเล่นเลย เช่น ในภาค 7 นี้ ฉากเธอต่อสู้กับบอดี้การ์ดสาวของเจ้าชายอาหรับนั่นก็สตรองสะบั้นหั่นแหลกมากจ้า
9. Maria (Helen Mirren) – Woman in Gold
นี่ก็เข้าชิงนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของลูกโลกทองคำอีกคน กับบทหญิงแกร่งวัย 80 ที่ต่อสู้เป็นเวลากว่า 8 ปี เพื่อทวงคืนภาพศิลปะอันล้ำค่า (Portrait of Adele Bloch-Bauer I หรือ Austria’s “Mona Lisa“) มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาทจากรัฐบาลออสเตรีย และต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้กับครอบครัวเชื้อสายยิวของเธอ
หนัง based on true stories ไม่ค่อยมีอะไรมากสักเท่าไหร่ แต่การแสดงของ Helen Mirren คือเหตุผลสำคัญที่ว่าทำไมเราถึงต้องดู Woman in Gold คือเธอสร้างสีสันอย่างมีเสน่ห์ให้กับหนังอย่างมาก และบทสุนทรพจน์ หรือ speech ที่เธอพูดในหนัง ก็พูดได้ดีกินใจสุดๆ
นอกจากนี้ ในเรื่องนี้ Helen Mirren ยังสปีคสำเนียงอเมริกันปนออสเตรียและมีพูดออสเตรียในบางบริบทด้วย (ยังไม่นับภาษาอื่นๆ ในหนังเรื่องอื่นๆ ที่เธอเล่นอีก) จนเราแอบสงสัยด้วยนะว่า สรุปนางพูดได้กี่ภาษา และพูดภาษาอังกฤษได้กี่สำเนียงกันแน่ ซูฮก!
10. Black Widow (Scarlett Johansson) – Avengers 2: Age of Ultron
Natasha Romanoff หรือ Black Widow เป็นหญิงหนึ่งเดียวในทีม Avengers (ก่อนที่จะรับฝาแฝด Maximoff มาเข้าทีม) ที่ไม่ได้มีดีแค่ความสวยและความเซ็กซี่ หากแต่ยังสตรองมาก ต่อสู้กับผู้ชายได้เก่งกาจด้วยมือเท้าเปล่า แถมยังมีสกิลการพูดหลอกล่อหรือล้วงความลับศัตรูได้อีกต่างหาก
นอกจากในเรื่องนี้แล้ว เธอยังมีบทบาทใน Iron Man กับ Captain America อีกด้วย
11. Scarlet Witch (Elizabeth Olsen) – Avengers 2: Age of Ultron
เรื่องนี้ขอให้สองคนเลยนะ รักพี่เสียน้องจริงๆ เพราะ Black Widow ก็ตัดไม่ได้ แล้ว Scarlet Witch คนนี้นี่ไม่อวยไม่ได้เลยเช่นกัน เพราะใน Avengers 2: Age of Ultron นี้ นางกับพี่ชายของนาง (Quicksilver) ฮอตมาก ใครๆ ก็พูดถึง เป็นขวัญใจมหาชน
ด้วยท่วงท่าการฟ้อนเล็บของนาง เอ้ย~ ด้วยนางมีพลังจิตและสะกดจิตคนได้ เข้าไปเล่นในหัว Avengers ได้ทั้งทีมเลยค่ะ สตรองกว่าคนใช้กล้ามใช้อาวุธเป็นไหนๆ powerful สุดๆ ดูแล้วอยากจะสมัครเป็นพี่สะใภ้ อิอิ
12. Fat Amy (Rebel Wilson) – Pitch Perfect 2
“Barden Bellas” เป็นวง A Cappella หญิงล้วน ที่มีความหลากหลายทางเพศ (คือมีเพศที่สามด้วย), เชื้อชาติสีผิว, และรูปร่างหน้าตา (อ้วนผอม – สูงเตี้ย) ซึ่งจริงๆ ก็อยากให้ตำแหน่งสาวสตรองกับสาวๆ ทุกคนในวงเลยนะ แต่ก็ดูจะเยอะไปสักหน่อย เลยขอเลือก Fat Amy มาเป็นตัวแทนสาวที่สตรองที่สุดของวง
เธอคนนี้โชว์ให้เห็นว่าสาวอ้วนก็มีความสามารถและสวยเลือกได้ได้ไม่แพ้สาวสลิมอัพเหมือนกัน (ถึงแม้ว่าจะมีบางซีนที่ Rebel Wilson ดูเล่นใหญ่โอเวอร์จนล้นไปบ้างก็ตาม) ขอเพียงแค่มีความเชื่อมั่นและมั่นใจในตัวเอง ไม่มองความอ้วนเป็นปมด้อย แค่นั้นไขมันน้อยๆ ก็จะหาจุดยืนของตัวเองเจอโดยไม่จำเป็นต้องพยายามให้ใครมายอมรับ
ส่วนหัวหน้าวงตัวจริงอย่าง Beca (Anna Kendrick) ก็สตรองเหมือนภาคแรกนะ แต่แค่ภาคนี้นางดูดร็อปลงไปนิดนึง ต้องรับพลังสำรองจาก Fat Amy และยังมีน้องใหม่อย่าง Emily (Hailee Steinfeld) มากลบรัศมีอีกต่างหาก
13. Furiosa (Charlize Theron) – Mad Max: Fury Road
เห็นหน้าหนังดูบู๊ๆ แต่ Mad Max: Fury Road นี่หนังเฟมินิสต์ตัวจริงเลยนะเออ มีสาวๆ ผู้แข็งแกร่งเต็มไปหมดเลย แต่ที่บู๊เก่งที่สุดและสตรองที่สุด ต้องยกนิ้วให้สาวเท่ Furiosa (Charlize Theron) บอสใหญ่ที่ Immortan Joe (Hugh Keays-Byrne) ไว้วางใจและได้คุมขับรถ War
แต่สุดท้ายเธอก็ต่อสู้เพื่อความถูกต้องและศักดิ์ศรีของอิสตรี ด้วยการแอบลักลอบพาแก๊งนางฟ้าหรือสาวๆ “แม่พันธุ์” ของ Immortan Joe หลบหนีไปจากขุมนรก พร้อมประกาศลั่นว่า “We are not things!” (ผู้หญิงอย่างเราไม่ใช่สิ่งของ!)
สรุปคือ Furiosa เด่นกว่าพระเอกตัวจริงอย่าง Max (Tom Hardy) ซะอีก เรียกได้ว่าเป็นฮีโร่ตัวจริงของเรื่องเลยก็ว่าได้
14. Paula Bélier (Louane Emera) – La Famille Bélier
Paula (Louane Emera จากรายการ ‘The Voice: la plus belle voix’ season 2) มีความใฝ่ฝันและมีพรสวรรค์ในการขับร้อง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เป็นกำลังสำคัญของครอบครัว เพราะเธอเป็นลูกสาวคนโต และเป็นเพียงคนเดียวในครอบครัว Bélier ที่ได้ยินและพูดได้ปกติ
Paula เกิดและโตในครอบครัวของคนหูหนวกเป็นใบ้ แต่เธอก็พยายามดำรงชีวิตอย่างปกติ ถึงแม้บางครั้งพ่อแม่และน้องชายจะทำเธอปวดหัวอย่างมากก็ตาม แต่เธอก็รักและเข้าใจครอบครัวของเธอ รู้ว่าเธอเป็นกำลังสำคัญในการขายของหาเงินมาจุนเจือฟาร์มเล็กๆ ของครอบครัว และต้องเป็น “เสียง” สำคัญในการช่วยพ่อ (ซึ่งหูหนวกเป็นใบ้) หาเสียงให้ชนะการเลือกตั้ง
เธอจึงต้องสตรองอย่างมากในการบาลานซ์ระหว่างความฝันที่ยิ่งใหญ่กับครอบครัวที่เธอรัก
15. Blake (Alexandra Daddario) – San Andreas
San Andreas นี่เป็นหนังแผ่นดินไหวที่นมสะท้านแผ่นดินสะเทือนของจริง เพราะคนที่เล่นเป็นลูกสาว The Rock ในเรื่องนี้คือดูมๆ มาก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เธอสตรอง! ความแข็งแกร่งของ Blake คือนางเก่ง นางฉลาด และมีสกิลในการเอาตัวรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินสูงมาก เป็นผู้หญิงที่ “โลกร้อน” คู่ควร
16. Claire (Bryce Dallas Howard) – Jurassic World
Claire เป็น CEO ของสวนสนุกไดโนเสาร์ระดับโลก สำหรับบทบาทบอสใหญ่สาวสวย เธอก็จะเป็น perfectionist สุดเนี้ยบ เจ้าระเบียบ เป็น working woman แต่สำหรับบทบาทของคนเป็นน้า ถึงแม้แรกๆ จะดูเป็นน้าที่ไม่ค่อยเอาไหน เพราะมัวแต่บ้างานจนหาแฟนไม่ได้ เอ้ย… ไม่ได้เจอหน้าหลานหลายปีดีดัก แต่เอาเข้าจริง เธอก็เป็นน้าที่รักหลานมาก พร้อมตะลุยป่าฝ่าดงไดโนเสาร์เข้าไปช่วยหลานอย่างไม่รักตัวกลัวตาย ไม่ใช่สักแต่จะใช้อำนาจชี้นิ้วสั่งรปภ.ให้ดิ่งไปช่วยหลานตัวเองก่อนช่วยส่วนรวม
แล้วช่วงที่ Claire เข้าไปช่วยหลานนี้นั่นเอง ยิ่งทำให้เราได้เห็นไปอีกว่า Claire ไม่ใช่แค่คุณนายไฮโซที่เป็นแต่ชี้นิ้วสั่งลูกน้องอยู่แต่ในห้องแอร์สวยๆ แต่เธอยังใจกล้า ใจสู้ ฉลาดหัวไว และวิ่งไว ไม่เป็นตัวถ่วงของพระเอกเลยสักนิด แถมยังมีโอกาสได้ช่วยชีวิตพระเอกในบางช็อตอีกต่างหาก
(จะตลกก็แต่ตรงที่นางใส่ส้นสูงวิ่งไปวิ่งมาตลอดเรื่องนี่แหละ บนคอนกรีตก็ยังพอเข้าใจได้ แต่บนดินบนโคลนในป่านี่สิ อย่าว่าแต่วิ่งเลย นางใส่นัง ridiculous shoes นั่นเดินไปได้ยังไง ไม่เข้าใจจริงๆ)
17. Sarah Connor (Emilia Clarke หรือคาลิซีจาก Game of Thrones) – Terminator Genisys
คุณแม่วัยสาวของ John Connor ผู้เกรียงไกรในภาคนี้สตรองกว่าคนเหล็กภาคไหนๆ เพราะ Sarah ภาคนี้เป็นหญิงแกร่ง สู้เป็น ฆ่าเป็น และมีคนเหล็กอย่างป๋า Pops (Arnold Schwarzenegger) เป็น mentor
การปรับบทให้ Sarah Connor เป็นหญิงแกร่งนั้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดของ Terminator Genisys โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้ Mother of Dragons หรือคาลิซี Emilia Clarke หนึ่งในสัญลักษณ์ feminist ของซีรีส์ดัง Game of Thrones มารับบทดังกล่าว จึงถือว่าเป็นหนึ่งในการแคสติ้งที่ดีที่สุดของ Terminator Genisys เลยก็ว่าได้
18. Cate McCall (Kate Beckinsale) – The Trials of Cate McCall
Cate McCall (Kate Beckinsale) เป็นทนายความสาวแกร่ง ยอมทำคดีเสี่ยงๆ ต่อสู้เพื่อความถูกต้องของทุกฝ่ายไม่ใช่แค่ฝ่ายของลูกความตนเอง โดยที่เธอไม่รักตัวกลัวตายจากการข่มขู่ของผู้มีอำนาจ พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าผู้หญิงก็สามารถเป็นทนายที่ดีได้ไม่แพ้ผู้ชาย และในขณะเดียวกันเธอก็ต้องพยายามเอาชนะใจบุตรสาว รวมถึงสิทธิในการได้เลี้ยงดูลูกสาวกึ่งนึงจากอดีตสามี
เราชอบบทบาทของ Cate McCall ตรงที่เธอเป็นตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องจัดสรรเวลาให้ได้ระหว่างเวลางานกับเวลาครอบครัว เธอต้องพยายามต่อสู้อย่างมากที่จะบาลานซ์บทบาท Working Woman อย่าง “ทนายสาว” กับบทบาท “แม่” ของลูกสาวตัวเล็ก (และ “เมีย”) ในเวลาเดียวกัน
19. Hope Pym (Evangeline Lilly) – Ant-Man
สาวสวยสง่า Hope ไม่ได้เป็นแค่ลูกสาวเจ้าของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ต้องมาดูแลธุรกิจแทนพ่อเท่านั้น หากเธอยังมีสกิลการต่อสู้ติดตัว และจิตใจของเธอก็เข้มแข็งดุจหินผา (แต่แอบสงสัยนิดนึงว่า ทำไมนางทำผมทรงเดียวกับนางเอก Jurassic World เลย มันกำลังฮิตหรอ?)
20. Ilsa (Rebecca Ferguson) – Mission Impossible: Rogue Nation (MI5)
คนนี้นี่แหละ… หนึ่งในตัวแทนของยุค Female Protagonist ชอบนาง ไอดอลเลย~ เท่สุดๆ ทั้งฉากเตะต่อย และฉากขับรถไล่ล่า โอ้โห เท่ไม่บันยะบันยัง บทนางเริ่ดมาก ไม่ใช่แค่เป็นนางนกต่อหรือลูกทีมธรรมดาเหมือนผู้หญิงภาคก่อนๆ ของแฟรนไชส์ แต่นางมีบทบาทเทียบเท่า Tom Cruise เลยก็ว่าได้ มีความสำคัญในการดำเนินเรื่องมาก
เรื่องนี้ Rebecca Ferguson นางโคตรเกิด พูดเลย
21. Katia (Hannah Ware) – Hitman: Agent 47
จริงๆ ถ้าเทียบกับผู้หญิงเรื่องอื่นๆ แล้ว Katia ยังไม่โดดเด้งเท่าไหร่ แต่ไหนๆ Hitman: Agent 47 เขาก็ดูมีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนออกนอกหน้ามากว่า ต้องการปั้นเธอเป็นหนึ่งใน Female Protagonist สุดสตรอง โดยการแอดสกิลมาให้นางอย่างสูงเว่อร์วังประหนึ่งลูกครึ่ง X-Men เราก็เลยโอเค ฉันใส่ Katia เข้ามาในลิสต์นี้สักหน่อยก็ได้ ไม่เสียหายอะไรเนอะ
22. Margo Roth Spiegelman (Cara Delevingne) – Paper Towns
เห็นสาวตรองขาบู๊มาก็เยอะ มาดูสาวสตรองสไตล์ติสต์ๆ กันบ้าง อย่าง Margo Roth Spiegelman เนี่ย ถึงนางจะงงๆ แต่จริงๆ นางก็สตรองในทางของนางนะ นางไม่ยึดติดกับกรอบ สูตรสำเร็จ และคอมฟอร์ตโซนแบบคนอื่น
เธอมองว่าชีวิตแบบนั้นมันไม่ใช่การ “ใช้ชีวิต” นางเลือกเป็นตัวของตัวเอง ออกไปทำอะไรที่อยากทำจริงๆ และไม่ยอมให้ใครมา sterotyping หรือ idolizing หรือตีกรอบตัวตนของเธอด้วยมิติอันแบนราบด้วย คือกล้าคิดกล้าตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตและเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างจากคนหมู่แมส
อย่างไรก็ตาม เราว่า Margo ค่อนข้างติสต์และทำตัวเป็นศูนย์กลางของจักรวาลมากเกินไปในบางที… ต้องใช้พิจารณญาณก่อนจะสตรองตามเวย์ของนางนะเออ
23. Anna (Loan Chabanol) – The Transporter Refueled
จริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะพูดถึงหนังเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เพราะหนังทำมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็แอบชื่นชมที่หนังพยายามเน้นพลังหญิงตามยุคสมัย ภาคนี้เขาให้ผู้หญิงสวยเก่งมีบทบาทสำคัญในเรื่องตั้ง 4-5 คน และบทเบื้องต้นก็ดูมีการใส่ใจกับปัญหาการค้าบริการทางเพศและการข่มเหงเพศหญิง
และถ้ามองในแง่ความเป็นจริง ถ้าโลกมีผู้หญิงอย่าง Anna กับแก๊งนางฟ้าของเธออยู่จริง เธอก็เป็นผู้หญิงที่ทั้งน่าสงสารและน่าชื่นชมในความสตรองในคราวเดียวกัน เพราะต้องต่อสู้และล้างแค้นพวกผู้ชายแก๊งมาเฟียที่ทำมาหากินกับความทุกข์ของผู้หญิง!
24. Kate Macer (Emily Blunt) – Sicario
FBI สาวแกร่งคนนี้สตรองจริง เพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวของเรื่องเลย (ไม่นับตัวประกอบจุ๋มจิ๋ม) เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ต้องเข้าฉากกับชายฉกรรจ์ทั้งเรื่อง ในออฟฟิศเอย ในไซต์งานเอย บนรถเอย แต่ถึงแม้เธอจะเป็นหญิงเดียวท่ามกลางหมู่ชาย แต่เธอก็ไม่มีแฟน ล้มเหลวในการแต่งงาน มีแต่เพื่อนผู้ชาย แถมยังปล่อยเนื้อปล่อยตัวโทรมอีกต่างหาก อื้อหือ… สมแล้วที่หนังเรื่องนี้ได้ไปคานส์
ถึงแม้ Kate จะไม่ใช่ผู้หญิงในฝันหรือแฟนในอุดมคติของผู้ชายทั่วไป แต่ก็เป็นตำรวจในอุดมคติที่หาได้ยากยิ่งแล้วในสังคมปัจจุบัน เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะหน่วยงานไหน สังกัดไหน หรือประเทศไหน ก็มีแต่คนในเครื่องแบบที่ไม่ขาวสะอาด 100% แต่ Kate เป็นคนดีมาก มีจรรยาบรรณสูง รับผิดชอบต่อหน้าที่ มีความมุ่งมั่นจะทำเพื่อประเทศชาติ ซึ่งแน่นอน ในดินแดนหมาป่าและวงการสีเทาแบบนี้ คนแบบเธอ…ถ้าไม่สตรองจริง…อยู่ยากที่จะปลอดภัย
25. Melissa Lewis (Jessica Chastain) – The Martian
นักบินอวกาศหญิงแห่ง NASA แถมได้เป็นผู้การแห่งทีม Aresอีกต่างหาก ถ้าไม่สตรองคงเป็นไม่ได้จริงๆ แล้วตอนตัดสินใจไปช่วย Mark Watney (Matt Damon) จากดาวอังคารนะ เท่มากกกก เรียกว่า สวย สมาร์ท สตรอง ครบเครื่อง แถมท่าตอนเธอเดินเหินอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักคือ เป๊ะมาก ฮอตมาก ประทับใจ
26. Princess Tiger Lily (Rooney Mara) – Pan
ถึงหนังจะน่าเบื่อแต่ Tiger Lily ก็ไม่แย่นะ เธอสวยสะพรึงและเล่นบทบู๊ได้เท่ดีนะ เตะต่อยเก่งกาจไม่แพ้ชายฉกรรจ์ (นางเป็นผู้หญิงแต่ได้โชว์บู๊มากกว่า Captain Hook เสียอีก) โดยเฉพาะฉาก climax ที่ไฟต์กับ Blackbeard (Hugh Jackman) นั้น สตรองเว่อร์~
27. Jules Ostin (Anne Hathaway) – The Intern
The Intern กับ Jules Ostin (ชื่อเหมือนล้อมาจาก Jane Austen นักเขียน Feminist คนดังในอดีตเลยแฮะ) นี่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย หนังเฟมินิสต์ชัดๆ และนางเอกก็เป็นไอดอลสาวสตรองยุคใหม่ในโลกแห่งความเป็นจริงมากๆ
Jules เป็นตัวแทนของบอสสาวเก๋ไก๋รุ่นใหม่ ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต และใส่ใจกับเนื้องานสุดๆ ทั้งที่เธอก็ไม่มีประสบการณ์ทำธุรกิจ ไม่ได้จบบริหาร แต่ตัวเธอคนเดียวกลับสามารถนำพาบริษัทสตาร์ทอัพของเธอเติบโตจนมีลูกน้องกว่า 200 คนภายในปีครึ่ง! #ปรบมือ อีกทั้งยังต้องพยายามบาลานซ์การงานกับครอบครัวให้ได้ในขณะที่สังคมรอบข้างเธอยังยึดติดกับค่านิยมว่าภรรยาต้องเป็นแม่บ้าน
เนื้อหาพลังหญิงในเรื่องนี้อัดแน่นมาก แนะนำให้อ่านเพิ่มเติมในบล็อก Highly Recommend!
28. Denise (Sarah Dumont) – Scouts Guide to the Zombie Apocalypse
สาวเอ็กซ์ Denise นี่บทเด่นมาก ทั้งสวยฮอต ทั้งเก่งและแกร่ง เป็นตัวแทนของ the strong female protagonist ของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ประทับใจ แล้วบทของ Denise นี่ไม่ได้แค่สตรองในการต่อสู้กับซอมบี้ แต่บทของเธอยังสะท้อนให้เราเห็นอีกว่า ในสังคม ยังมีคนอีกหลายคน (โดยเฉพาะผู้ชาย) ที่มองผู้หญิงที่ “นมนำสมอง” และชอบตัดสินคนอื่นจากบุคลิกหรือการแต่งตัว
เช่น ตอนแรก Carter ก็ตัดสิน Denise ว่าเป็นสาวระบำเปลื้องผ้า เพียงเพราะเห็นเธอดร็อปเรียนไปและมาทำงานที่บาร์นู้ด ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว Denise ไม่ได้เกิดมารวยเหมือนพวกเขา เธอจึงสอบวัดเทียบระดับ และที่มาทำงานที่บาร์ เธอก็เป็นแค่สาวเสิร์ฟเท่านั้น
29. Dr. Madeleine Swann (Léa Seydoux) – Spectre
ปกติ James Bond จะเป็น misogynist แต่สาวบอนด์ภาค Spectre คนนี้ไม่ได้เป็นแค่คู่นอนทั่วไปของ James Bond หากแต่ยังบู๊เก่งกว่าหลายๆ ภาคที่เคยมีมา หน้าตาก็สวยไม่เหมือนใคร ดูน่าค้นหาดูฉลาด และ Strong ในแบบของเธอ แถมทำให้ตอนจบของ James Bond ไม่เหมือนภาคอื่นๆ ที่แล้วมาอีกต่างหาก สตรองปะล่ะ~
30. The Loners Leader (Léa Seydoux) – The Lobster
ปีนี้ขอยกให้ Léa Seydoux เป็นสาวสตรองจากทั้ง Spectre และ The Lobster เลย เห็นเขาว่ากันว่าสาวบอนด์คนนี้ยอมสละเล่นหนังสองเรื่อง เพื่อมารับบท Loner Leader เรื่องนี้เลยนะจะบอกให้ ซึ่งเราว่ามันก็คุ้มค่านะ เพราะหนังเรื่องนี้รวมถึงบทที่เธอเล่นมันเจ๋งจริงๆ ยอมใจ
ในเรื่องนี้ เขามีกฎกันว่าถ้าใครเป็นโสดเกินกว่า 45 วันจะต้องกลายเป็นสัตว์ตลอดไป แล้ว Léa Seydoux รับบทเป็นหัวหน้ากลุ่มกบฏหรือหัวหน้ากลุ่มคนโสด ที่ไม่ยอมให้ผู้มีอำนาจมากำหนดชีวิตของเธอ เธอจะโสดของเธออย่างนี้ ไม่มีผัวเธอก็อยู่ได้ แต่เธอจะไม่ยอมเป็นสัตว์ หรือเป็นอะไรใต้กฎโง่ๆ ของประเทศเด็ดขาด จำไว้ อุดมการณ์เธอหนักแน่นที่สุดในสามโลก
หนังเรื่องนี้ดีจริง ไปหาดูนะ
31. Katniss Everdeen (Jennifer Lawrence) – The Hunger Games: Mockingjay Part II
ถ้าพูดถึงตัวละครเฟมินิสต์หรือผู้หญิงที่ most powerful ต้องไม่พ้นชื่อ Katniss Everdeen กับ Jennifer Lawrence เพราะเธอเป็นผู้นำเทรนด์หนังพลังหญิงในช่วง 2-3 ปีให้หลังมานี้เลยทีเดียว
ซึ่งสรรพคุณของเธอคนนี้ก็คงไม่ต้องสาธยายอะไรมาก เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเธอกันดีอยู่แล้ว…. สาวน้อยผู้เสียสละมาแข่ง The Hunger Games แทนน้องสาว สาวน้อยผู้มากับไฟ สาวน้อยผู้เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มกบฏ สาวน้อยผู้เปลี่ยน Panem ทั้งแผ่นดินตลอดกาล
ที่สำคัญเจนลอว์เธอสตรองและทรงพลังจริงๆ เล่นดีจนไม่รู้จะดียังไง ไร้ที่ติเลยแหละ ขนาดซีนทะเลาะกับแมว เธอยังเล่นได้สตรองจนขนลุก
นอกจาก Katniss แล้ว The Hunger Games ก็ยังมีสาวสตรองอีกหลายคนในเรื่องมาตั้งแต่ภาคแรก อย่างในภาคสุดท้ายนี้ เด่นๆ เลยก็คือ President Coin (Julianne Moore) ผู้นำกลุ่มกบฏ กับ Cressida (Natalie Dormer) ผู้กำกับหญิงขาลุยจาก Capitol
32. Maud Watts (Carey Mulligan) – Suffragette
จริงๆ อยากจะให้ตำแหน่งสาวสตรองกับสาวๆ ใน Suffragette ทุกคนเลยจริงๆ (หนังเรื่องนี้คือหนังเฟมินิสต์โดยเฉพาะเลยนะ) คือนอกจาก Maud Watts (Carey Mulligan) แล้ว ก็ยังมี Violet Mitchell (Anne-Marie Duff), Edith Ellyn (Helena Bonham Carter), Emily Davison (Natalie Press), และ Emmeline Pankhurst (Meryl Streep)
คือผู้หญิงทุกคนสตรองหมดเลย ต่อสู้เพื่อสิทธิความเท่าเทียมในการเลือกตั้งของผู้หญิง (ตั้งแต่ปี 1912) แต่ก็ต้องเลือกให้แค่คนเดียวไว้ก่อน จะได้ไม่เยอะเกินไป ซึ่งต้องขอเลือก Maud Watts ซึ่งเป็น center ของเรื่อง
Maud Watts เกิดและโตในโรงซักผ้า ถูกนายจ้างข่มเหงมาตั้งแต่เด็ก แถมค่าจ้างผู้หญิงก็น้อยนิดกว่าผู้ชาย คลอดลูกมาลูกก็ต้องเป็นสิทธิของสามีตามกฎหมายอีกต่างหาก หัวอกคนเป็นแม่และเป็นผู้หญิงหาเช้ากินค่ำช่างรันทดยิ่งนัก แต่เธอก็สตรองและ Fight for women สุดชีวิต ทำให้ผู้หญิงปัจจุบันอย่างเราๆ ค่อยลืมตาอ้าปากและมีสิทธิมีเสียงทัดเทียมผู้ชายขึ้นมาบ้าง
33. Ava (Alicia Vikander) – Ex Machina
หนังไซไฟเรื่องนี้เป็นหนังเฟมินิสต์อย่างไม่น่าเชื่อ และ Ava นางเอกของเรื่อง ก็เป็นสาวสตรองที่ไม่ใช่มนุษย์ คือเธอเป็น AI หรือพูดง่ายๆ ก็คือหุ่นยนต์นั่นแหละ แต่ได้รับการโปรแกรมให้มีความเป็นมนุษย์ค่อนข้างสูงและมีรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์
Ava เป็นหุ่นยนต์ต้นแบบ หรือ AI prototype เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่เป็นเพียงหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมมาให้ทำตามกฎของสังคมปิตุลาธิปไตยหรือสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ บางครั้งเหมือนไม่มีชีวิตจิตใจ ต้องพูดคิดหรือทำอะไรตามที่ถูกผู้ชาย ครอบครัว หรือสังคมเขากำหนดไว้ แล้วความสตรองของ Ava คือนางฉลาด และพยายามใช้สติปัญญาหรือ intelligence ของเธอในการปลดปล่อยตัวเองออกจากพันธนาการดังกล่าว
ทั้งนี้ในหนังไม่ใช่มีแค่ Ava หากแต่ยังรวมถึง Kyoko (Sonoya Mizuno) ที่เป็นทั้งแม่บ้านแม่เรือนและที่ระบายปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศของเจ้านาย ซึ่งตรงนี้… หนังเขาดูตั้งใจเลือกใช้ “สาวญี่ปุ่น” อย่างมีนัยสำคัญ…. เหมือนตั้งใจจะสะท้อนค่านิยมและ Gender Discimination ของสังคมญี่ปุ่นยังไงยังงั้น
34. Rey (Daisy Ridley) – Star Wars VII: The Force Awakens
ดาวรุ่งพุ่งแรงแต่สตรองที่สุดในกาแล็กซี่ต้องยกให้เธอคนนี้ เด็กกำพร้าที่ต่อชีวิตไปวันๆ ด้วยการเก็บขยะ ชีวิตพลิกผันเมื่อมาเจอดรอยด์ BB-8 และได้ออกไปช่วยพิทักษ์จักรวาลกับ Han Solo (Harrison Ford) และ Princess Leia (Carrie Fisher) โดยการช่วยตามหาอัศวินเจไดคนสุดท้าย Luke Skywalker (Mark Hamill)
พูดก่อนเลยว่า เราชอบภาค The Force Awakens นี้มากกว่าภาคก่อนๆ เพราะมันเน้นพลังหญิงมากขึ้น มีตัวละครหลักเป็นหญิงแกร่ง (ที่ไม่ใช่ princess หรือ loyal) คือ Rey (Daisy Ridley) และในกองทัพต่างๆ ก็มีผู้หญิงเยอะขึ้น มีผู้หญิงเป็นนักบินไปออกรบด้วย คือไม่ใช่หนังชายล้วนแล้ว แถมผู้หญิงบางคนก็ได้เป็นตำแหน่งใหญ่ๆ อีกต่างหาก เช่น Captain Phasma (Gwendoline Christie) แห่งหน่วย Stormtrooper
ซึ่งชมเลยว่า Daisy Ridley นางเจิดจรัสมาก เห็นในเทรลเลอร์ก็งั้นๆ แต่พอมาดูหนังตัวเต็มจริงๆ โอ้โห สวยแอนด์สตรองมาก อย่างฉากไคลแมกซ์ของเรื่องที่นางไฟต์กับตัวร้าย เราก็ชอบบบบบบส์ ให้นางขึ้นแท่นหนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยมแห่งปีได้เลย (อนาคตอาจมาโค่นพลังหญิงของ Katniss ก็ได้ ใครจะรู้)
ครบแล้ว 34 สาวสตรองแห่งปีนะคะ มีใครชื่นชอบสาวคนไหนเป็นพิเศษบ้าง บอกเล่าแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะคะ ^^ เจอกันใหม่ปีหน้าค่ะ
34 comments
อยากเขียนบล๊อกแบบนี้ทำไงครับ พอดีผมมีหนังที่เคยเขียนบล๊อกเก่าจะย้ายมาโทนสีสวยดี ขาวดำ
สมัคร wordpress และซื้อ theme ค่ะ