หนังสือ Supercommunicators: How to Unlock the Secret Language of Connection โดย Charles Duhigg คือคู่มือที่ช่วยให้เราเข้าใจศาสตร์และศิลป์ของการสื่อสาร เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและมีความหมาย ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน
- การสนทนาที่มีคุณค่าที่สุด ไม่ใช่แค่การแลกเปลี่ยนข้อมูล แต่คือ การเชื่อมต่อกันอย่างแท้จริง ดังนั้น เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของการสนทนา คือ connection
- เป้าหมายสำคัญสำหรับการพูดคุยที่มีความหมายที่สุดควรเป็น การสนทนาเพื่อเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราต้องเรียนรู้ว่าผู้คนรอบตัวเรามองโลกอย่างไร แล้วช่วยให้พวกเขาเข้าใจมุมมองของเราด้วยเช่นกัน ทำความเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นกำลังคิดและเล่าสิ่งที่เรากำลังคิดออกไปบ้าง
📌 พิกัดหนังสือ Supercommunicators: How to Unlock the Secret Language of Connection โดย Charles Duhigg >> - แปลไทย https://s.shopee.co.th/2LLKO3nZ1F - ภาษาอังกฤษ https://s.shopee.co.th/60EclsD4tA
วิธีการสนทนาเพื่อการเรียนรู้
- ใส่ใจว่ากำลังสนทนาแบบใด คิดก่อนพูด
- แบ่งปันเป้าหมายของคุณและถามผู้อื่นต้องการอย่างไร
- ถามความรู้สึกของผู้อื่นและแบ่งปันความรู้สึกของคุณ
- สำรวจดูว่า อัตลักษณ์ คือสิ่งสำคัญในการสนทนาครั้งนี้หรือไม่
ประเภทของบทสนทนา
การสังเกตว่าเรากำลังสนทนาใน “ประเภท” ไหน จะช่วยให้เราตอบสนองได้อย่างแม่นยำและสร้างความใกล้ชิดได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ดังนั้น เราต้องสังเกตว่ากำลังเกิดการสนทนาแบบใดอยู่ มันทำงานอย่างไร อะไรคือสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจริง ๆ เรียนรู้วิธีได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้พูด และพูดในสิ่งที่อีกฝ่ายอยากได้ยิน
โดย Duhigg แบ่งบทสนทนาออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้:
- บทสนทนาเชิงปฏิบัติ (Practical Conversations) เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร:
➔ สนทนาเพื่อแก้ปัญหา ตัดสินใจ หรือวางแผน - บทสนทนาเชิงอารมณ์ (Emotional Conversations) รู้สึกอย่างไร:
➔ สนทนาเพื่อแบ่งปันความรู้สึก และเข้าใจกันในระดับอารมณ์ - บทสนทนาเชิงอัตลักษณ์ (Identity Conversations) เราคือใคร:
➔ สนทนาเกี่ยวกับตัวตน ค่านิยม และความเชื่อ — โดยต้องตระหนักว่าเราต้องไม่เหมารวมและทุกคนต่างมีอัตลักษณ์ที่หลากหลาย
ทั้งนี้ การเข้าใจประเภทของบทสนทนาที่กำลังเกิดขึ้นช่วยให้เราสามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสมและสร้างความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หลักการสำคัญของการเป็น “Supercommunicator”
- หลักการการจับคู่ หรือ การเชื่อมโยงและปรับเข้าหากัน (Matching Principle):
- ปรับสไตล์การสื่อสารให้สอดคล้องกับคู่สนทนา ทั้งภาษากาย น้ำเสียง และอารมณ์
- ตั้งใจฟังทั้งสิ่งที่พูดและไม่ได้พูด
- หาความต้องการและคุณค่าร่วมกัน
- แสดงให้เขาเห็นว่าคุณเข้าใจสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเขา
- ถามคำถามปลายเปิดให้ถูกจุด
- อย่าทึกทักคิดเอาเอง
- รับรู้และปรับอารมณ์ให้เข้ากับคนอื่น แล้วแสดงความรู้สึกของตัวเองให้ผู้อื่นรับรู้
- การตั้งคำถามเชิงลึก และแลกเปลี่ยนความเปราะบาง:
- ถามคำถามที่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายแบ่งปันความรู้สึก ค่านิยม และประสบการณ์ ซึ่งจะสร้างความเปราะบางซึ่งกระตุ้นให้เกิดการแพร่กระจายทางอารมณ์และช่วยให้เรา connect กัน สร้างการเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่แท้จริง
- การฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening):
- ให้ความสนใจอย่างเต็มที่ต่อสิ่งที่คู่สนทนาพูด และแสดงความเข้าใจผ่านการสะท้อนกลับหรือการยืนยัน
- ฟังด้วยความสนใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่รอฟังเพื่อโต้ตอบ
- บางครั้งแค่รับรู้อารมณ์ของใครบางคนและแสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณใส่ใจก็เพียงพอแล้ว
- สังเกตการแสดงออกทางอารมณ์อื่น ๆ นอกเหนือจากคำพูดด้วย เช่น อารมณ์ ท่าทาง น้ำเสียง
- การใช้เทคนิค “Looping for Understanding”:
- สรุปหรือทวนข้อความที่เราเพิ่งได้ยินด้วยภาษาของเราเอง และถามยืนยันจากคู่สนทนาว่าเราเข้าใจถูกหรือไม่ และทำซ้ำจนกว่าทุกฝ่ายจะเห็นพ้องว่าต่างเข้าใจกันแล้วอย่างแท้จริง
- เทคนิคนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
Duhigg แสดงให้เห็นว่าการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดความขัดแย้ง สร้างความเข้าใจ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และ Supercommunicators: How to Unlock the Secret Language of Connection ไม่ใช่แค่หนังสือสำหรับคนทำงานด้านสื่อสารเท่านั้น แต่เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการ “เข้าใจ” และ “เชื่อมใจ” กับผู้อื่นได้ลึกซึ้งขึ้น ไม่ว่าจะในชีวิตส่วนตัวหรืออาชีพการงาน แต่ถ้าคุณเป็นผู้ที่ต้องใช้การสื่อสาร ในหน้าที่การงานเป็นหลักอยู่แล้วล่ะก็… นี่คือหนังสือของคุณ
📌 พิกัดหนังสือ Supercommunicators: How to Unlock the Secret Language of Connection โดย Charles Duhigg >>
- แปลไทย https://s.shopee.co.th/2LLKO3nZ1F
- ภาษาอังกฤษ https://s.shopee.co.th/60EclsD4tA