The Curse of the Weeping Woman หรือ The Curse of La Llorona (อ่านว่า ลา โยโรนา) เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องในจักรวาล The Conjuring โดยผู้กำกับที่โปรดิวเซอร์ James Wan ยกให้กุมบังเหียนเรื่องนี้คือ Michael Chaves ซึ่งเดี๋ยวก็จะได้กำกับ The Conjuring 3 ด้วยเช่นกัน
แต่โดยส่วนตัว หลังจากดู The Curse of the Weeping Woman จบแล้ว ก็รู้สึกว่า มันมีความเชื่อมโยงกับ The Conjuring-verse น้อยมาก คือมีแค่ Father Perez (Tony Amendola) ที่เป็นตัวเอกในหนัง Annabelle (2014) โผล่มาจอยด้วย ออกมาไม่เยอะ (มีซีนจากเรื่องนั้นมาเป็น flashback ขาวดำให้คนดูได้ดูเสี้ยววิฯด้วยนะ สงสัยจะกลัวคนดูลืม Annabelle ภาคที่ไม่สนุกนั้นไปแล้วสิ้น) แต่หลวงพ่อก็มีบทบาทสำคัญเพราะมาเพื่อเบิกเนตรให้นางเอกไปหาหมอผีไปสู้กับผีชะนีจอมคร่ำครวญที่ตามคุกคามครอบครัวเธอ
เรื่องของเรื่องคือ นางเอก… Anna Garcia (Linda Cardellini จาก Daddy’s Home) เป็นนักสงคมสงเคราะห์ และเป็นซิงเกิลมัม (ผัวตายในหน้าที่) ที่ต้องเลี้ยงลูกสองคนคือ Chris (Roman Christou) และ Samantha (Jaynee-Lynne Kinchen จาก Self/less) วันหนึ่ง Anna ต้องไปทำเคสของ Patricia (Patricia Velasquez จาก The Mummy) ที่พฤติกรรมเข้าข่ายกักขังหน่วงเหนี่ยวและ abuse ลูก ๆ ของตนเอง แต่จริง ๆ เธอกำลังปกป้องลูก ๆ จากการถูกผีแม่ม่ายละติน La Llorona (Marisol Ramirez) หมายจะเอาชีวิต
พอลูก ๆ ถูกผีคร่าไป Patricia ก็แค้นที่ Anna ทำให้ลูก ๆ ถูกฆ่าตาย Patricia จึงบอกให้ผีไปเอาชีวิตลูก ๆ ของ Anna บ้าง ซึ่งอีผีก็มาจริง และคุกคามหนักมาก จน Anna ต้องไปหา Father Perez และ Father ก็แนะนำให้ไปหา Rafael Olvera (Raymond Cruz จาก Alien: Resurrection) หมอผีท้องถิ่นมาช่วย
สองสามีภรรยา Warrens ไม่ได้มีบทบาทใดใดในเรื่องนี้ และไม่ได้มาช่วย Anna ปราบผี ความเชื่อมโยงของหนังเรื่องนี้กับ The Conjuring-verse จึงน้อยมากอย่างที่บอก มันคือการสร้างหนังผีจากตำนานความเชื่อของเม็กซิกัน แต่พยายามเอามาโยงเข้ากับ The Conjuring-verse เพื่อให้หนังขายได้มากขึ้นมากกว่า แค่นั้นจริง ๆ
The Curse of the Weeping Woman จึงเป็นหนังผี local ที่ถูกพยายามให้เป็น global หรือเป็น The Conjuring มากเกินไป จนทำให้เสน่ห์ความขลังของผีแม่ม่าย La Llorona มันหายไป คนดูไกล ๆ อย่างเรายังไม่อิน ยังไม่เชื่อ และยังไม่เข้าถึงที่มาที่ไปของนาง ส่งผลให้เราไม่กลัวนางอย่างที่ควรจะเป็น
ผี La Llorona ก็ตลก ขยันมาหลอกมาหลอนอยู่นั่น แต่มีโอกาสฆ่าหลายทีแล้วก็ไม่ฆ่าสักที คนดูก็ไม่รู้หรอกนะว่านางรอฤกษ์รอชัยอะไรอยู่รึเปล่าถึงจะค่อยฆ่าเด็กได้ แล้วเห็นหมอผีบอกนางมีพลังในความมืด แต่บางทีก็เห็นมาออกฤทธิ์ออกเดชในตอนกลางวัน ในขณะที่บางทีก็มาแต่ตอนกลางคืน ไอ้เราก็พยายามเข้าใจนะว่าบางทีผีมันอยากมาตอนไหนก็มา บางทีผีมันก็ไม่มีเหตุผล แต่ในพาร์ทของคนเองก็ตาม มันก็ยังมีจุดที่ “เฮ้ย มาได้ไง/มาจากไหน”
สืบมาทราบว่าทีมเขียนบทคือ Mikki Daughtry และ Tobias Iaconis ทีมเขียนบททีมเดียวกับ Five Feet Apart ที่จะเข้าฉายในวีคเดียวกันนี่แหละ ซึ่งโดยส่วนตัวเราชอบ Five Feet Apart พอตัวเลยนะ อย่างน้อยบทมันโอเคกว่า The Curse of the Weeping Woman ถ้าทั้งสองเรื่องนี้คือผลงานชิ้นแรก ๆ ในการเขียนบทภาพยนตร์ของพวกเขา เราก็คงขอบอกว่า พวกเขาคงเหมาะกับเวย์หนังรอมคอมมากกว่าหนังสยองขวัญอะนะ
แต่ยังดีที่หนังยังอยู่ภายใต้ชื่อของ James Wan โปรดักชั่นต่าง ๆ รวมถึงการสร้างบรรยากาศ มันจึงออกมายังดูเป็นหนังผีที่แพง มีรสนิยม และมีกลิ่นอายของสไตล์ The Conjuring อยู่พอสมควร ฉากตุ้งแช่ (jump scare) มีบ่อยจนบางทีก็ตลกมากกว่าน่ากลัว แต่ฉากตุ้งแช่ของเค้ายังโอเคนะ ไม่ได้ cheap จนเป็นหนังผีเกรดบี
ตัวละครหลักทั้งแม่ทั้งลูกก็แสดงดีกันหมดนะ รวม ๆ แล้วทำให้ธีมครอบครัวของหนังยังสตรองอยู่ ดูน่าเอาใจช่วย ถึงแม้จะมีบ้างที่ทำอะไรโง่ ๆ ไปบ้างตามประสาเด็ก แต่เราก็ยังเอาใจช่วย ส่วนหมอผีก็ดี ดูมีความขลัง พอเขาเข้ามามีบทบาทในบ้านปุ๊บ เราเองก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหน่อยทันที ตัวละครในเรื่องก็คงรู้สึกเช่นกัน
โดยสรุป The Curse of the Weeping Woman เป็นหนังผีอีกเรื่องในจักรวาล James Wan มีกลิ่นอาย The Conjuring แต่สตอรี่ก็มีส่วนผูกกับเรื่องอื่น ๆ น้อยนิดติ่งต้อย ความน่ากลัวหรือความหลอนของผีชะนีจอมคร่ำครวญก็ไม่ค่อยมากเท่าไหร่ จะออกไปทางตกอกตกใจซะมากกว่า ฉากไคลแมกซ์ก็ไม่ได้พีคมากเมื่อเทียบกับเรื่องอื่น ๆ ในจักรวาลเดียวกัน (อย่างเมื่อคืนเราไปดูคนเดียวรอบ sneak preview หนังจบก็สี่ทุ่มกว่า กลับบ้านคนเดียว อยู่บ้านคนเดียวทั้งคืน ก็ไม่ได้มีฟีลลิ่งกลัวผีหรือหลอนอะไรติดออกมาจากโรง)
แต่อย่างไรก็ดี นี่ก็ยังไม่ใช่หนังที่แย่ที่สุดในจักรวาลอย่างแน่นอน (คือถือว่ายังห่างไกลจากคำว่าแย่อยู่เยอะ) และก็ยังเป็นหนังสยองขวัญที่ทำออกมาสนุกและมาตรฐานสูงกว่าหนังสยองขวัญเรื่องอื่น ๆ อยู่ดี ใครเป็นแฟนหนังจักรวาล ไปดูเถอะ ไม่เสียหาย
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10
เข้าฉาย sneak preview (รอบหลัง 20:00 น.) ตั้งแต่ 13-16 เม.ย. และฉายจริง 17 เม.ย. เป็นต้นไป
44 comments
Comments are closed.