The Secret Life of Pets 2 ในความรู้สึกของเรา เป็นหนังที่ทำมาเพื่อขายในฐานะภาคต่อทั่ว ๆ ไป ไม่มีอะไรสเปเชียลเฉพาะตัวหรือยกระดับให้แฟรนไชส์มากมายอะไร ซึ่งเอาจริง มันไม่มีอะไรต้องคิดมาก ตั้งแต่ภาค 1 จนถึงภาค 2 หนังแอนิเมชั่น The Secret Life of Pets เป็นหนังที่ทำมาเพื่อขายคนรักสัตว์มากกว่าคนรักหนังอยู่แล้ว
สิ่งที่เราแนะนำก่อนดูก็คือ อย่าคิดเยอะ เพราะตามสไตล์หนังค่าย Illumination คือบทเค้าง่าย ๆ ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งหรือซับซ้อนอะไร (ถ้าเอาการ์ตูนบทดีหน่อย ก็แนะนำให้ไป Pixar) สำหรับเรื่องนี้ เอาง่าย ๆ เข้าไปหวังเสพความน่ารักของเหล่าสรรพสัตว์ก็เป็นพอ
ในภาคนี้ Max กับ Duke ยังคงอยู่ด้วยกันในอพาร์ตเมนต์ของ Katie เจ้านายสาวสวยคนเดิมของพวกเขา แต่เพิ่มเติมคือภาคนี้ Katie แต่งงานมีลูกมีผัว ทำให้ชีวิตสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่หนังไม่ได้เล่า conflict ของ Max กับ Liam (เบบี๋ของ Katie) แต่อย่างใดนะ หนังต้องการเล่าถึงพฤติกรรมและจิตใจของ Max ที่มีต่อเด็ก Liam มากกว่า
กล่าวคือ แทนที่จะเล่ามุมมองการเลี้ยงเด็กจากตัวละคร Katie ซึ่งเป็นคน ก็มาเล่าจากตัวละคร Max ซึ่งเป็นสัตว์แทน โดย Max จะเป็นคนจิตตก ระแวง และห่วง Liam จะเป็นนู่นนี่นั่นจนเกินพอดี เช่น ไม่เล่านิทานที่ส่อจะมีประเด็นความรุนแรงให้เด็กฟัง ไม่ให้เด็กเดินออกไปไหนมาไหนเอง ฯลฯ พูดง่าย ๆ คือหนังต้องการสอนประเด็นพ่อแม่รังแกฉัน / How to let เด็ก grow up โดยใช้ Max เป็นสื่อกลางนั่นเอง
โดยภายหลัง Max จะเรียนรู้ที่จะปล่อยวางและออกจากคอมฟอร์ดโซน ผ่านตัวละคร Rooster หมาชนบทที่เป็นจ่าฝูงประจำฟาร์ม ที่เจอกันระหว่างทริปที่ Katie พาไปพักผ่อนทั้งครอบครัว พาร์ทนี้เป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่โดยรวมเราชอบนะ มีความอบอุ่นเบา ๆ
ในขณะที่ Max กำลังเติบโตและเรียนรู้ เพื่อน ๆ เก่าของเขาก็มีธุระปะปังของตนเองอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ด้วยเช่นกัน ตั้งแต่ Gidget ที่ไปขอให้ Chloe สอน “how to เป็นแมว” เพื่อจะปลอมตัวเป็นแมวเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ห้องหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยกองทัพแมว หลังจากเธอทำของเล่นสุดโปรดที่ Max ฝากไว้กลิ้งตกไปในห้องดังกล่าว ซึ่งในทางอ้อม พาร์ทนี้จะสื่อถึงความพยายามเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองเพื่อเอาชนะใจคนที่ตัวเองแอบชอบด้วยก็ได้อยู่ แต่จะไม่คิดอะไรเลยก็ได้ เพราะพาร์ทนี้ก็เป็นพาร์ทที่ฮาที่สุดพาร์ทหนึ่งของเรื่อง และสุดท้าย Snowball กระต่ายตัวขโมยซีนในภาคแรกที่กลับมาอีกครั้ง ซึ่งภาคนี้เป็นกระต่ายบ้าน และมีความมโนว่าตนเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่ และก็ได้ฝึกเป็นฮีโร่จริง ๆ เมื่อ Daisy สุนัขตัวหนึ่งมาขอความช่วยเหลือ “Captain Snowball” ให้ไปช่วย Hu ลูกเสือผู้น่าสงสารจากเจ้าของคณะละครสัตว์ผู้โหดเหี้ยม พาร์ทนี้ก็จะ adventure หน่อย ๆ โดยสุดท้ายแล้ว storyline ทั้งสาม จะไปบรรจบหรือ intersect กันในช่วงองก์ที่ 3 ที่ทุกตัวไป rescue เจ้าลูกเสือ Hu นี่ด้วยนี่แหละ
ก็กลายเป็นว่า สรุปแล้วคือเรื่องฮีโร่ช่วยเสือของ Snowball เป็น main plot ของหนังมาแต่ต้น แล้วเรื่องของคนอื่น ๆ รวมถึงเรื่องของ Max เป็น subplot และมาเป็นตัว support เจ้า Snownall อีกที ซึ่งมันก็จะมีความงง ๆ ในจิตใจของเรานิดหน่อย เพราะความรู้สึกนึกคิดตลอดมาตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคนี้ของเราก็คือ Max มันเหมือนถูกปูมาให้ตัวเอกเบอร์หนึ่ง อืม… แต่บางทีเราคงคิดไปเองแหละ… ไม่มีอะไร…
เช่นเดิม นี่จะเป็นหนังดูง่าย เบาสมอง ที่คนรักสัตว์ดูแล้วจะต้องแฮปปี้ ดูเพลิน ๆ ดูแล้วคิดถึงหมาแมวที่บ้าน (เช่น ฉากแมวเหยียบทับคีย์บอร์ดคอมฯ หรือเหยียบทับตัวเราเพื่อปลุกเราในยามเช้า) แต่สำหรับเรา ก็ไม่ได้ถึงกับฟินอะไรขนาดนั้น แต่ที่แน่ ๆ นี่น่าจะเป็นหนังที่เด็ก ๆ ดูก็ต้องเอ็นจอยในความน่ารักและมุกตลกต่าง ๆ ของนานาสัตว์เล็กใหญ่ในเรื่องอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
แต่ในส่วนของ message ของหนังนั้น ก็คงมีหลายอย่างที่… ถึงแม้มันจะไม่ได้ยากซับซ้อน แต่เด็กดูไปก็คงไม่อินมาก หรือไม่ก็ ผู้ใหญ่บางคน (ย้ำ บางคน) ก็คงไม่อยากให้เด็กซึบซับ เช่น ประเด็นการเลี้ยงลูกแบบไม่ให้เป็นไข่ในหิน เป็นต้น
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7/10 (ชอบภาคแรกมากกว่านิดหน่อย)
33 comments
Comments are closed.