ปีนี้เป็นปีของหนังภาคต่อแฟรนไชส์ รีบู๊ท รีเมค ทั้งหลายแหล่จริงๆ ตั้งแต่ Fast and Furious 7, Mad Max : Fury Road, Jurassic World, Terminator Genisys, Mission: Impossible – Rogue Nation หรือ MI5 ~
จนมาถึง The Transporter Refueled เรื่องนี้ ที่โละเครื่องยนต์ใหม่กิ๊ง ได้ Ed Skrein สุดหล่อจาก Game of Thrones มาเป็นเด็กส่งของแทน Jason Staham
เรื่องย่อ The Transporter Refueled
เมื่อลุงวัยเกษียณ Frank Senior Martin (Ray Stevenson) ถูกสาวๆ แก๊งนางฟ้าจับไปเป็นตัวประกัน Frank Jr. Martin (Ed Skrein) ซึ่งเป็นเด็กรับขับรถส่งของ หรือ Transporter มืออาชีพ เลยจำต้องยอมขับรถให้ Anna (Loan Chabanol) และช่วยพวกเธอทำภารกิจล้างแค้นแก๊งค้ามนุษย์เพื่อแลกกับชีวิตของพ่อของเขา
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ The Transporter Refueled
เราเกิดทัน The Transporter เวอร์ชั่น Jason Staham ทุกภาค ถึงแม้จะจำเรื่องราวภาคก่อนๆ ไม่ได้แล้ว แต่เรายังพอจำความรู้สึกตอนดูภาคแรกได้ว่า หนังเรื่องนี้สนุก และพระเอกก็โคตรเท่เลย แต่สำหรับภาคล่าสุด “The Transporter Refueled” เรากลับรู้สึกเฉยมาก ค่อนไปทางน่าผิดหวัง หรือพูดชัดๆ ก็คือ “ไม่สนุก” สำหรับเรา
ประเด็นสำคัญที่ทำให้ภาคนี้ไม่โอเคคือ อัตลักษณ์ของ The Transporter มันหายไปหมดสิ้น ภาคนี้เขาไม่เหลือความเป็นคนส่งของเลย กลายเป็นหนังโฆษณาขายรถ พอๆ กับ Hitman: Agent 47 ที่เพิ่งฉายไป (เออ รถแม่งยี่ห้อเดียวกันด้วย)
และคือพระเอกภาคนี้ต้องไปทำภารกิจอะไรก็ไม่รู้… แนวคล้ายๆ Mission: Impossible… แต่ความสนุก ความมันระทึก และความหวือหวาอลังการ ยังห่างจากหนังบู๊แอ็คชั่นเรื่องที่เขาพยายามเหมือนอยู่หลายขุม เป็นอันว่าพัง
ถึงแม้หนังบู๊ทั่วไป บทก็ไม่ค่อยมีอะไรเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเรื่องนี้ ก็เกินไปหน่อย บทเบาโหวงมาก ปูเรื่องนานแบบไม่จำเป็น เนื้อเรื่องคาดเดาได้ง่าย ดูบางฉากแล้วนี่ก็งง นี่มาทำอะไรกัน ทำไปทำไม แล้วไอ้จุดที่ท่านจะทำให้เป็นปริศนา กับไอ้จุดที่ท่านจะเฉลยคลี่คลายปม… ทำไมไม่พีคเลย ดูไม่ตั้งใจเล่าอะ เรียบนิ่งตลอดเรื่อง
นอกจากนี้ ฉากบู๊ก็ธรรมดา จำเจ ไร้รสนิยม คือมันก็มาครบนะ ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ แต่มันไม่มีอะไรแปลกใหม่จากหนังบู๊แฟรนไชส์เรื่องอื่นๆ เลยสักนิด นี่ก็ยังสงสัยอยู่ว่า แบบนี้มันเรียกว่า Refueled มาแล้วตรงไหน?
แม้แต่ฉากขับรถไล่ล่าที่ควรจะเป็นหนึ่งในจุดขายของหนังก็น่าเบื่อ ฉากที่ดูควรจะ “Oh! Wow!” ที่สุด เขาก็เอาไปใส่ไว้ในเทรลเลอร์ให้เราดูไปแล้ว พอเห็นอีกในหนังจริงๆ ก็เลยเฉยมาก เป็นอันว่า ง่วงตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง (หรือเพราะนี่เพิ่งได้ดู Fast and Furious 7. Mad Max : Fury Road, และ MI5 กันมาหมาดๆ ก็ไม่รู้)
โดยสรุป ในส่วนของฉากบู๊ แอ็คชั่น หรือขับรถไล่ล่า ไม่ตอบโจทย์ความบันเทิงเราเลย อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ดูหนังบู๊แฟรนไชส์เรื่องที่เรากล่าวมาข้างต้น คุณก็อาจจะรู้สึกสนุกกับฉากทั้งหลายใน The Transporter Refueled นี้ก็ได้ เพราะอย่างที่เราบอก… มันจำเจ ไม่แปลกใหม่… แต่ไม่ได้แปลว่ามันแย่ซะทีเดียว… เราผิดเองที่เราเคยดูฉากเหล่านั้นในหนังเรื่องอื่นมาแล้ว… ก็เท่านั้น
สิ่งเดียวที่ดูเหมือน The Transporter Refueled จะทำสำเร็จคือโฆษณาขายรถ Audi สุดหรู รถสวยมาก เท่มาก แถมยังเวรี่ถึก บุกป่าฝ่าดงอย่างสมบุกสมบันมาสารพัด แต่ตอนจบเรื่อง รถยังใหม่กิ๊ง ไร้ซึ่งรอยขีดข่วน บุบสลาย หรือแตกร้าว (ทำเอารถตำรวจกลายเป็นรถกระป๋องของเล่นเด็กอย่างเห็นได้ชัดเลย) แถมมิหนำซ้ำ ในหนังยังบอกชื่อรุ่นของรถเสร็จสรรพ (ชัดแจ้งชนิดที่ว่าออกจากโรงมาสามารถวิ่งไปโชว์รูมแล้วเอาชื่อรุ่นไปสั่งออเดอร์ได้เลย) อีกทั้งยังมีการแอบแฝงโฆษณานวัตกรรมใหม่ในอนาคตของรถ Audi ให้คนดูด้วยนะ ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ชื่นชมเบาๆ ที่หนังพยายามเน้นพลังหญิง ให้ผู้หญิงสวยเก่งมีบทบาทสำคัญในเรื่องตั้ง 4-5 คน และบทเบื้องต้นก็ดูมีการใส่ใจกับปัญหาการค้าบริการทางเพศและการข่มเหงเพศหญิง แถมตัวละครในเรื่องก็มีหลากชาติพันธุ์ครอบคลุมแทบทุกภาคพื้นทวีปบนโลก ชื่นชมในความพยายามในการสร้างสรรค์ตัวละคร แต่เสียดายที่เขาไม่ได้ทำมันออกมาให้สุด สุดท้ายก็ว่างเปล่า…
สุดท้ายนี้ ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ นั่นก็คือพระเอกของเรา… เราคิดว่า Ed Skrein พอจะเป็น The Transporter ได้อยู่แหละ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอาไปเปรียบเทียบกับรุ่นพี่โล้นซ่าสุดเก๋าอย่าง Jason Staham (ซึ่งตอนนี้ข้ามไปอยู่แฟรนไชส์รถซิ่งอีกเรื่องไปละ)
อย่างไรก็ตาม คนที่ดีที่สุดในเรื่อง ไม่ใช่พระเอกนะจ๊ะ… หากแต่เป็นพ่อพระเอก หรือป๋า Ray Stevenson ตนนี้ต่างหาก ยกความดีความงามให้คนนี้คนเดียวเลย ถ้าไม่มีเขาคนนี้ล่ะก็… ตายสนิท…
The Transporter Refueled เข้าฉาย 3 ก.ย. ในโรงภาพยนตร์
ป.ล. แต่งานปาร์ตี้และหนังรอบสื่อ หรูอลังการ มีโชว์รถออดี้ และมีพี่ ฌอห์ณ จินดาโชติ มาด้วย ช้อบชอบ~ (แต่ไม่ได้ถ่ายกับฌอห์น เพราะไฟต์กับบรรดานักข่าวและแฟนคลับนางไม่ไหวT^T)
39 comments