Things To Come (ชื่อฝรั่งเศส L’Avenir แปลว่า The Future หรืออนาคต) กำกับโดยผู้กำกับสาวไฟแรง Mia Hansen-Løve หนังได้เข้าชิง Golden Bear ที่ Berlin International Film Festival ครั้งที่ 66 At Berlin และผู้กำกับก็ได้รับรางวัล Silver Bear for Best Director
เรื่องย่อ Things To Come
Nathalie Chazeaux (Isabelle Huppert) ครูสอนปรัชญาที่เพียบพร้อม จู่ ๆ ถูกสามีของเธอ Heinz (André Marcon) ทิ้งไปมีเมียใหม่ ลูกทั้งสองของเธอก็ต่างมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ส่วน Yvette แม่ของเธอ (Edith Scob) ก็ป่วยทางจิตและสร้างปัญหาให้เธอตลอดเวลา เมื่อเธอถูกมากปัญหารุมเร้า เธอจึงไปพักใจกับ Fabien (Roman Kolinka) ลูกศิษย์คนโปรดหัวก้าวหน้าของเธอซึ่งกำลังเขียนหนังสืออยู่ในป่าในเขา
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Things To Come
Things To Come ไม่ใช่หนังรักต่างวัยหรือรักหลายเส้า แต่เป็นหนังชีวิตที่แท้จริง โดยเฉพาะชีวิตของผู้หญิงวัยกลางคน รวมถึงผู้หญิงที่ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเข้าวัยกลางคน ซึ่งชีวิตก็คือชีวิต มีขึ้นมีลง มีสุขมีเศร้า มีการเปลี่ยนแปลง โยกย้าย หรือแทนที่
หนังเต็มไปด้วยหลักคำพูดปรัชญาและมีสัญลักษณ์แฝง หลายจุดจึงยากที่จะเข้าถึงและเข้าใจ แถมเรื่องนี้ Things To Come เป็นหนังยุโรป ต้นฉบับเป็นภาษาฝรั่งเศส แล้ว subtitle ห่วยอีกต่างหาก เลยทำให้เข้าไม่ถึงไปกันใหญ่ (ขอให้ทีมทำซับฯ ปรับปรุงด่วน)
ยังดีที่หนังภาพสวยมาก และผู้กำกับฯ เก่ง สามารถเล่าเรื่องชีวิตพัง ๆ และความสตรองของนางเอกได้ดูเพลิน ๆ บางทีเราก็หลุดขำกับชะตากรรมอันรันทดของนาง ไม่น่าเบื่อเลย ทำให้เรายังพอซึมซับอะไรจากหนังได้อยู่บ้าง
เป็นธรรมชาติของชีวิต เช่นเดียวกับคนทั้งโลก Nathalie อาจจะเจอปัญหาร้อยแปดพันเก้า แต่แต่ละวันก็จะมีสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิตเสมอ ไม่ว่าจะในรูปแบบสุขหรือเศร้า เช่น ลูกสาวของ Nathalie คลอดลูก และชีวิตมันก็วนลูปไป ลูกสาวของเธอกลายเป็นแม่ และ Nathalie เองก็กลายเป็นยาย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเธอว่าเธอจะอยากเป็นยายที่ใช้ชีวิตบั้นปลายแบบแม่ของตัวเองหรือเปล่า
Nathalie มีแม่เป็นอุทาหรณ์ แม่ถูกทอดทิ้งและล้มเหลวในชีวิตจนป่วยทางจิต มีเพื่อนคนเดียว (หรือตัวเดียว) คือแมวแก่อ้วนดำ Pandora และลูกหลานที่แวะวนมาเยี่ยมตามโอกาส Nathalie จึงต้องสตรองกว่าที่แม่เคยเป็น และต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายให้ได้
เราจะเห็นได้ว่าในหนัง Things To Come เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ที่มีปัจจัยเรื่องยุคสมัยหรือวันเวลามาเกี่ยวข้อง เช่น แนวคิดปรัชญา อุดมการณ์หรือระบอบการเมือง ปกหนังสือปรัชญาของ Nathalie หรือกระทั่งความรักก็เปลี่ยนแปลงได้ อย่าง 25 ปีก่อน สามีของเธอเองก็เคยบอกว่า (หรืออย่างน้อยก็ทำให้เธอคิดว่า) “จะรักเธอตลอดไป” แต่พอมาวันนี้กลับมีคนใหม่หน้าตาเฉย
แต่เราชอบที่หนังสะท้อนชีวิตคู่ของ Nathalie กับสามีที่ใช้ชีวิตร่วมกัน ผ่านร้อนผ่านหนาว แชร์ความทรงจำทั้งดีทั้งแย่ด้วยกันมาเกือบครึ่งชีวิต ในวันที่พวกเขาต้องแยกกันอยู่ จากบ้านที่เคยเต็มแน่นไปด้วยหนังสือ ก็เหลือหนังสือเพียงครึ่งเดียว สิ่งที่เธอเสียดายและคิดถึงที่สุดคือความทรงจำที่เคยสร้างสมและทำด้วยกันมา
แต่สิ่งสำคัญคือ ไม่ว่าจะเจอปัญหายังไง เราต้องคิดบวกและมองหาข้อดีในมรสุมนั้นให้เจอ เช่น การถูกทิ้งอาจจะไม่ได้แปลว่าเราไม่มีค่าแล้วต้องไปฆ่าตัวตาย ซึมเศร้า หรือเรียกร้องความสนใจ บางทีมันอาจจะเป็นโอกาสแห่งอิสรภาพ โอกาสในการเลิกทำอะไรซ้ำซากจำเจ หรือโอกาสในการเริ่มต้นใหม่กับสิ่งใหม่ ๆ … สิ่งที่เราไม่เคยทำ
เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าเราสตรองพอที่จะก้าวข้ามผ่านปัญหาต่าง ๆ ไปได้แล้ว และย้อนมองกลับไป หรือเจอปัญหาเดิมอีกครั้ง เราอาจจะมองว่า ปัญหาที่เคยใหญ่ในวันนั้น จริง ๆ แล้วมันเล็กนิดเดียวเองหากเทียบกับคุณค่าของตัวเราเอง เช่นเดียวกับ Nathalie ที่นั่งอยู่บนรถบัส ผ่านสามีเก่ากับภรรยาใหม่ของเขา… และ Nathalie ก็หัวเราะออกมา
ชีวิตมันก็แค่นี้… #ต้องสตรอง
Things To Come คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7.5/10 (แต่ได้ 100% จากเว็บ Rotten Tomatoes มะเขือเน่าเชียวนะเออ)
เข้าฉาย 21 ก.ค. นี้ เฉพาะ SFW, Esplanade รัชดาฯ, Major รัชโยธิน, House RCA, และ Central Festival เชียงใหม่
I thought you would love me forever
33 comments