รีวิว Warcraft the Beginning: กำเนิดศึกสองพิภพ

ภาพยนตร์เรื่อง Warcraft: The Beginning สร้างและดัดแปลงจากเกมชื่อดัง Warcraft ซึ่งถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1994 กำกับโดย Duncan Jones (จาก Moon และ Source Code)

เรื่องย่อ Warcraft: The Beginning

เนื่องจากโลกของตนเองกำลังจะตาย จอมเวทย์ Gul’dan (Daniel Wu) จึงเปิดประตูมิติ พากองทัพออร์ค (orcs) ซึ่งนำโดยแม่ทัพ Durotan (Toby Kebbell จาก Dawn of the Planet of the Apes) บุกรุกเข้ามายังโลกมนุษย์ หรือ Azeroth

King Llane Wrynn (Dominic Cooper จาก Dracula Untold) กับ Queen Taria (Ruth Negga จาก World War Z) แห่งอาณาจักร Stormwind จึงให้แม่ทัพ Lothar (Travis Fimmel จาก Vikings) พร้อมกับผู้พิทักษ์หรือพ่อมด Medivh (Ben Foster จาก Lone Survivor) และ Khadgar (Ben Schnetzer จาก The Riot Club) ร่วมกันปกป้องครอบครัว ประชาชน และบ้านเกิดของพวกเขา

โดยในศึกครั้งแรก ฝั่งมนุษย์จับลูกครึ่งออร์ค Garona (Paula Patton จาก Mission: Impossible – Ghost Protocol) เป็นตัวประกันไว้ได้

รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Warcraft: The Beginning

ถึงแม้เราจะไม่เคยเล่นเกมและแทบไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับ Warcraft มาก่อนเลยสักนิด แต่ก็ยังดูหนัง Warcraft: The Beginning รู้เรื่องและพอตามทันอยู่ เพราะโลกในนั้นมีความละม้ายคล้ายกับโลกใน The Lord of the Rings และ Game of Thrones (แต่จริง ๆ ตามหลัก Warcraft เขามีมาก่อนอะนะ) แล้วหนังมันก็ไม่ได้ทำออกมาแย่ จัดว่าดูได้เรื่อย ๆ เพลิน ๆ แฟนตาซีดี มุกตลกก็ปังบ้างไม่ปังบ้าง แต่รวม ๆ ก็พอรับได้

แต่ถึงกระนั้น หนังมันก็ไม่ได้สนุกหรือมีประเด็นสลักสำคัญอะไรให้เราชอบหรืออินถึงขั้นขนาดที่ว่า กลับบ้านไป ฉันต้องหาเกมมาเล่นหรืออ่านเรื่องราวของ Warcraft เพิ่มเติมนะ อะไรอย่างนั้น เนื้อหามีความสะท้อนยุคล่าอาณานิคมสมัยโบราณกาล และความสมดุลของการอยู่ร่วมกันของแต่ละเผ่าพันธุ์หรือสปีชีส์ แต่ก็ไม่ได้พีคหรือชัดเจนอะไร ระหว่างดูก็มีช่วงที่เบื่อบ้างอะไรบ้าง แต่ยังห่างไกลจากคำว่าอยากหลับหรืออยากลุกออกจากโรงอยู่โข

สาเหตุหนึ่งที่เราไม่ค่อยอินเป็นเพราะการตัดต่อ (editing) ที่วาร์ปไปวาร์ปมา ตัดฉับมาก แต่ก็พยายามเข้าใจว่าเขาอยากเล่าเรื่องเยอะ ๆ และกระจายบทให้ตัวละครอันมากมายเท่า ๆ กัน คนตีกับออร์คก็อยากให้ดู คนตีกับคนก็อยากให้เห็น ออร์คตีกับออร์คก็อยากจะเน้น พ่อมดตีกับพ่อมดก็อยากจะเล่า ยังไม่นับรวมดราม่าครอบครัวอีก บลา ๆ ๆ

และอีกสาเหตุที่ยังไม่อินคือ หนังไม่ค่อยปูพื้นให้เราเท่าที่ควร บางจุดเราก็ไม่เข้าใจความคิดและการกระทำของตัวละครนั้น ๆ แถมตัวละครกับ subplot ก็เยอะแยะตาแป๊ะไก่ไปหมด โดยเฉพาะพวกออร์คที่หน้าตาคล้าย ๆ กัน โอ๊ย อิชั้นจำแทบไม่หวาดไม่ไหว แต่ก็พอไถ ๆ ตามน้ำเขาไปได้จนจบ

ดังนั้น คนที่เป็นเกมเมอร์หรือเคยเล่น Warcraft ย่อมดูสนุกกว่าคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อนอย่างเรา เพราะอย่างน้อยคุณจะพอรู้จักตัวละครนั้น ๆ อยู่แล้วบ้าง เข้าใจแบคกราวนด์ ความสัมพันธ์ และวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ของแต่ละตัว ซึ่งคนที่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนเขาก็บอกเหมือนกันนะว่า ตัวภาพยนตร์ค่อนข้างเคารพต้นฉบับ และทำได้ดีกว่าหนังที่ดัดแปลงมาจากเกมเรื่องอื่น ๆ

ในส่วนของงาน visual หรืองาน CGI นั้น อาจดูปลอม ๆ ไปบ้าง บางซีนเหมือนหลุดมาจากภาพหนังสือนิทานป๊อปอัพ ดูเป็นหนังใช้ทุนเยอะ แต่ก็ใช้ไปกับอะไรหมดไม่รู้

อย่างฉากในโลกมนุษย์ เขาก็ไม่โชว์บ้านโชว์เมืองอะไรเลยนอกจากในปราสาทกษัตริย์ พวกออร์คก็ดูแต่งเนียนแค่ตัวหลัก ๆ เช่น ฉากแรกของหนังที่เปิดตัว Durotan กับเมียนี่เนียนกริบมาก แล้วนอกจากนั้นไปก็รู้สึกเฉย ๆ ละ แต่โดยภาพรวมก็ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงอะไรกับงานภาพ มันยังสวยอยู่ ดูยิ่งใหญ่ดี

แต่ที่ตะขิดตะขวงหน่อยเห็นจะเป็นเรื่องภาษา เพราะเปิดฉากมาฉากแรก ออร์คก็พูดภาษาอังกฤษหรือภาษามนุษย์ แต่พอมาอยู่โลกมนุษย์ กลายเป็นออร์คไม่เข้าใจภาษามนุษย์ มีแค่ Garona นางเอกที่เข้าใจภาษามนุษย์ แล้ว Garona ก็ช่วยแปลภาษามนุษย์เป็นภาษาออร์ค แปลภาษาออร์คเป็นภาษามนุษย์ เออ กลายเป็นที่ผ่านมา ที่เราได้ยินออร์คตัวอื่น ๆ เขาพูดภาษาอังกฤษนั้น มันคือเขากำลังพูดภาษาออร์คนะไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เออ งงปะ? เออ ทำไมไม่ครีเอทภาษาออร์คและพูดออร์คทั้งเรื่องไปเลย?

ถ้าในโลกมนุษย์ จุดสังเกตคือมนุษย์ส่วนใหญ่ในเรื่องเป็นคนผิวขาวผมดำ เหมือนจะมีแค่สุดหล่อ Callan (Burkely Duffield) ที่เป็นลูกชาย Lothar เท่านั้นที่ผมบลอนด์ อีกอย่างหนึ่งที่ติดใจคือ ไม่ว่าจะโลกคนหรือโลกออร์คนี่แทบไม่มีผู้หญิงเลยนะ ในทัพออร์คมีแค่เมียของ Durotan เองมั้งที่เป็นผู้หญิง กับ Garona ซึ่งเป็นลูกครึ่งคนครึ่งออร์ค

โดยสรุป ถึงแม้จะมีมากมายที่เราไม่ชอบหรือไม่เข้าใจใน Warcraft: The Beginning แต่มันก็เช่นเดียวกับหนังบล็อคบัสเตอร์ทั่วไปที่ดูได้เพลิน ๆ สุดท้ายแล้วหนังแนวนี้มันก็ต้องมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ รู้สึกสนุกและไม่สนุก แต่อย่างน้อยเราว่ามันก็ไม่ใช่หนังที่แย่ หรือดูแล้วรู้สึกเสียดายตังค์ เสียดายเวลา

คะแนนตามความชอบส่วนตัวสำหรับ Warcraft: The Beginning ขอให้ที่ 6.5/10

และสุดท้ายแล้ว หากหนังจะมีภาคต่อ เราก็คงไปดูอยู่ดี เพราะภาคนี้เขาก็ทิ้งปมให้ติดตามต่ออีกมากมาย สงครามในภาคนี้เหมือนเป็นแค่เริ่มต้นเท่านั้น!

Warcraft: The Beginning เข้าฉาย 26 พ.ค. นี้ในโรงภาพยนตร์