Whiplash พีคมาก กดดัน ทรงพลัง ไม่เคยคิดว่าดนตรี Jazz จะเครียดขนาดนี้
ดูแล้วไฟลุก เกิดแรงบันดาลใจสุด โคตรดี, GOOD JOB! (A-)
Whiplash เข้าชิงออสการ์ 5 สาขา และได้รางวัล 3 สาขา ได้แก่
- Best Picture
- Best Supporting Actor, J.K. Simmons (Winner!)
- Best Adapted Screenplay
- Film Editing (Winner!)
- Best Sound Mixing (Winner!)
What is Whiplash about?
Whiplash (2014) เป็นเรื่องราวของ Andrew Neyman (Miles Teller จาก Divergent) นักเรียนโรงเรียนดนตรีที่ดีที่สุดในประเทศที่ฝันใหญ่อยากจะเป็นมือกลองวงดนตรีแจ๊ซที่มีชื่อเสียง ทั้งฉากแรกและฉากสุดท้าย คนดูจะได้เห็นภาพเดียวกันคือ ภาพของ Andrew กำลังตีกลองอย่างเอาเป็นเอาตาย ต่างกันแค่ว่า ในฉากเปิด เขาเล่นอยู่ในห้องซ้อมเล็กๆ มืดๆ คนเดียว แต่ฉากปิด เขาเล่นโซโล่อย่างมืออาชีพอยู่บนเวทีใหญ่ท่ามกลางแมวมองที่จับตาดูเขาอยู่มากมาย ซึ่งเราจะได้เห็นเขารัวกลองจนถึงเสี้ยววินาทีสุดท้ายของหนัง จนอยากจะลุกขึ้นปรบมือให้เขาจนจบเครดิต
แต่กว่าจะไปถึงฉากพีคในตอนจบได้นั้น เขาต้องผ่านอะไรมาเยอะมาก จนแทบไม่คิดว่าดนตรีแจ๊ซที่ดูชิลๆ คลาสสิค และแสนจะสุนทรีย์นั้น ก็มีเบื้องหลังที่ตึงเครียดและโหดร้ายอย่างกับดนตรีเมทัล
Andrew ต้องฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงชนิดเลือดตกยางออก ต้องทนกับวิถีฝึกซ้อมของครู Terence Fletcher (J.K. Simmons จาก Spider-Man และ Juno) ที่มีนิสัยคล้ายๆ จะเป็นคนป่วย Bipolar (อารมณ์สองขั้ว) ต้องกดดันต่อสู้กับคู่แข่งเพื่อช่วงชิงเก้าอี้ตัวจริงบนเวที และยังต้องเลิกกับแฟนสาวที่ชีวิตไร้จุดหมายอย่าง Nicole (Melissa Benoist จากซีรีส์ Glee) เพื่อจะได้ไปถึงเส้นชัยได้อย่างสวยงาม
Is Whiplash worth watching?
มองแค่ผิวเผิน คุณอาจคิดว่าหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังวัยรุ่นวัยฝันทั่วไป เป็นหนังดนตรีที่น่าเบื่อ หรือเป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจที่เราหาดูได้ตามท้องตลาด… แต่เปล่าเลย… จริงๆ แล้ว Whiplash เป็นหนึ่งในหนังมาสเตอร์พีซที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งแห่งปี ด้วยการตัดต่อภาพและเสียงที่มืออาชีพ และการแสดงที่ดุเดือด เชือดเฉือน และทรงพลังระหว่างครูจอมเฮี้ยบกับลูกศิษย์ผู้ทะเยอะทะยาน
โดยเฉพาะการแสดงของ J.K. Simmons ที่รับบทครู Terence Fletcher นั้น เป็นการแสดงที่สุดยอดจนมีแต่คนอวยเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเหมาะสมกับตุ๊กตา Oscars สาขานักแสดงสมทบชาย (Best Supporting Actor) ประจำปีนี้ที่สุดแล้ว
อัปเดตล่าสุด J.K. Simmons ได้ออสการ์สาขา Best Supporting Actor ไม่พลิกโผ!
If you know nothing about jazz, NO PLOBLEM!
Whiplash เป็นหนังคุณภาพที่แนะนำให้ทุกคนไปดู หนังเขา inspiring มากๆ ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องด้านดนตรีก็สามารถอินและสนุกได้ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะถ้าใครชอบดนตรีแจ๊ซด้วย ก็คงจะฟินมาก อย่างเรา เราก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอกตอนที่เขาพูดเรื่องโน้ตดนตรี ห้องดนตรี คีย์เพี้ยนไม่เพี้ยน หรือกระทั่งชื่อนักดนตรีดังๆ แต่หนังเขาดำเนินเรื่องดี จนไม่เหลือช่องว่างให้สมองเราเอ๋อนานแน่นอนว่า “WTF they are talking about!”
เช่น ฉากที่โค้ช Fletcher ด่าเด็กว่าเล่นเพี้ยน หรือเล่นเร่งไปบ้าง ลากไปบ้าง เราก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอกว่าคนนั้นเขาเล่นแย่จริงๆ เขาเล่นผิดจริงๆ หรือโค้ชเขาแค่ต้องการให้เด็ก “เล่นตามที่เขาต้องการ” เพราะเข้าใจแต่คำที่เขาตะคอกซ้ำๆ ว่า “This is not my tempo!”
How dose Whiplash reflect our life?
ชีวิตจริง เราอาจจะไม่ได้อยากเป็นนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ แต่เราก็มีความฝันที่อยากจะประสบความสำเร็จของเรา และทุกความฝันต่างมีอุปสรรค มีคำติชม มีคนเคี่ยวเข็ญ มีตัวถ่วง มีคนคาดหวัง มีแรงกดดัน อีกทั้งยังมีคู่แข่ง ทั้งคู่แข่งในสายอาชีพเดียวกัน และคู่แข่งนอกสายอาชีพ เช่น พี่น้อง เพื่อนข้างบ้าน หรือลูกของเพื่อนพ่อ ฯลฯ
เราจึงอยากบอกว่า จริงๆ Whiplash เหมาะกับทุกๆ คนที่มีความฝัน และต้องการเพิ่มแรงบันดาลใจให้กับชีวิต เพราะเราจะได้เห็นตัวอย่างของเด็กหนุ่มวัย 18-19 คนนึงที่ไม่เคยหยุดฝัน ไม่เคยยอมแพ้ เราจะได้เห็นว่าคนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น เขาต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อ น้ำตา และสายเลือดแค่ไหนถึงจะพิชิตความฝันของตัวเองได้ ซึ่งดูจบแล้ว เราจะมีไฟขึ้นมาทันที เพราะเราจะเห็นว่าที่ที่เราทำอยู่ทุกวันนี้มันยังไม่ได้ครึ่งนึงของที่ Andrew ทำเลยแม้แต่นิด
และอีกหนึ่งความจริงที่แทงจิตใจคือ เราจะเห็นภาพสะท้อนมาหาตนเอง
ภาพของเรา… ที่ทนรับไม่ได้กับคำด่าว่า คำดูถูก หรือความกดดันรอบด้าน จนบางครั้งก็อยากจะหยุดพักหรือล้มเลิกเสียตรงนั้น
ภาพของเรา… ที่มีรอยยิ้ม มีความมั่นใจ เพราะได้รับคำชมหรือคำปลอบใจ จนบางครั้งเราก็เหลิงทะนงไป คิดว่าตัวเองทำดีแล้ว ไม่ต้องพยายามให้หนักไปกว่านี้ก็ได้ เพราะมัน “ดีพอ” อยู่แล้ว (ซึ่งจริงๆ มันยังไม่ใช่)
มันทำให้เราเข้าใจโลกที่แท้จริงว่า…
“There are no two words in the English language more harmful than ‘GOOD JOB‘.”
61 comments
https://www.omgqq.com/yescasino 예스카지노