“Woman in Gold : ภาพปริศนา ล่าระทึกโลก” ภาพยนตร์ Drama-Comedy เรื่องเยี่ยม สร้างจากเรื่องจริง (Based on a true story) ของหญิงแกร่งคนหนึ่งกับภารกิจทวงคืนศิลปะอันล้ำค่ามูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท และต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้กับครอบครัวเชื้อสายยิวของเธอ
นำแสดงโดยนักแสดงคุณภาพเจ้าของรางวัลออสการ์ Helen Mirren (จาก The Queen, The Hundred-Foot Journey ฯลฯ), Ryan Reynolds (จาก The Proposal, Green Lantern, X-Men Origins: Wolverine) และ Daniel Brühl (หรือ Niki Lauda จาก Rush) ผลงานการกำกับของ Simon Curtis (จาก My Week with Marilyn)
Portrait of Adele Bloch-Bauer I (1907) – Austria’s “Mona Lisa,”
เรื่องย่อ Woman in Gold
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Maria Altmann (Tatiana Maslany รับบทเป็น Maria วัยสาว) กับ Fritz สามีของเธอ (Max Irons จาก The Riot Club, The Host, Red Riding Hood) อพยพลี้ภัยจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มาอยู่ประเทศอเมริกา เพื่อหนีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว (Holocaust)
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต Maria (Helen Mirren รับบทเป็น Maria ในวัย 80) ได้ตัดสินใจกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของเธออีกครั้ง เพื่อทวงคืนทรัพย์สินของครอบครัวที่เคยถูกพวกนาซียึดไป ซึ่งนั่นก็รวมถึงภาพวาด “Woman in Gold” หรือ Portrait of Adele Bloch-Bauer I (1907) หนึ่งในผลงานชิ้นเอกของ Gustav Klimt ศิลปินชาวออสเตรียผู้โด่งดังในช่วงศริสต์ศตวรรษที่ 19 (Adele Bloch-Bauer เป็นป้าแท้ๆ ของ Maria)
Maria ว่าจ้าง Randol Schoenberg หรือ Randy (Ryan Reynolds) หลานชายของ Arnold Schoenberg และ Eric Zeisl นักประพันธ์เพลงชื่อดังชาวออสเตรียเชื้อสายยิว มาเป็นทนาย ทั้งๆ ที่ตอนนั้น Randy ยังเป็นแค่คนหนุ่มผู้ไร้ประสบการณ์ ทั้งสองต้องต่อสู้ในชั้นศาล รวมแล้วเป็นเวลากว่า 8 ปี เพื่อทวงสิทธิความเป็นเจ้าของในภาพวาดป้าของเธอกลับคืนมาจากรัฐบาลออสเตรีย!
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Woman in Gold
ตอนที่บอกเพื่อนๆ ว่ากำลังไปดูหนังเรื่อง Woman in Gold มีแต่คนถามว่าหนังเกี่ยวอะไรกับ Woman in Black จึงต้องบอกกันเลยว่า นี่ไม่ใช่หนังผีหรือหนังสยองขวัญ แต่เป็น “หนังขึ้นโรงขึ้นศาลเพื่อทวงคืนงานศิลปะ” ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเราพูดผิดตรงไหน เพราะพอตอบไปแบบนั้น ทุกคนก็พูดเป็นเสียงกันว่า “น่าเบื่อแน่ๆ”
เราเองก็เข้าโรงช้าไปหลายนาที อาจจะไม่กล้าฟันธง 100% ว่ารู้สึกอย่างไรกับ Woman in Gold แต่ถ้าเอาตามเท่าที่เราได้ดูจนจบเรื่อง เราคิดว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้น่าเบื่อ แต่ค่อนข้างธรรมดาและเชยอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน การตัดฉากดำเนินเรื่องโดยใช้คำว่า “xx เดือนต่อมา” หรือฉาก flashback ของนางเอกในตอนท้ายเรื่อง
ข้อติอีกอย่างคือ Adele Bloch-Bauer (สตรีในรูปภาพสีทอง) ที่แสดงโดย Antje Traue ยังดูห่างไกลจาก Adele Bloch-Bauer ตัวจริงอยู่มาก พูดง่ายๆ คือ Antje Traue นางไม่เหมือนเลย ไม่เหมือนทั้ง Adele Bloch-Bauer ตัวจริง (ที่เคยเห็นในรูปถ่าย) ไม่เหมือนทั้ง Adele Bloch-Bauer ในรูปวาดของ Gustav Klimt ซึ่งเราว่ามันน่าเสียดาย…
(ทั้งนี้ยังไม่นับการ casting ให้ Ryan Reynolds มารับบทเป็นทนายหนุ่มไฟแรง Randol Schoenberg อีกหนึ่งกระทง)
เราคิดว่า Woman in Gold ควรจะมี “ระหว่างทาง” ที่น่าสนใจหรือน่าตื่นเต้นมากกว่านี้ เพราะเท่าที่เราได้ดู เรายังรู้สึกว่า มันไม่สนุกและไม่น่าติดตาม (เทรลเลอร์ยังสนุกกว่าตัวหนังเต็มๆ อีก) โดยเฉพาะสำหรับหนังชีวิตที่คนดูเขารู้ “ตอนจบ” กันอยู่แล้วว่า ไม่ว่าจะยังไงตัวเอกของเราก็ต้องชนะคดีอยู่ดี
ส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดของหนังสำหรับเรา เราชอบฉากสมัย Maria Altmann ยังสาวๆ และวิ่งหนีพวกนาซี (ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับความหล่อของ Max Irons ที่เล่นเป็นสามีเธอแต่ใดๆ อิอิ) ส่วนอื่นๆ ก็เล่าเรื่อยๆ ไม่มีหักมุม ไม่มีเซอร์ไพรส์
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่ได้หมายความว่า Woman in Gold เป็นหนังไม่ดี เพราะไม่ว่าจะแง่ไหน การนำเสนอเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว หรือ Holocaust ของพวกนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจและคนทั่วไปควรรู้จักประวัติศาสตร์ดังกล่าวในหลายๆ แง่มุม รวมถึงเรื่องของงานศิลปะและสมบัติต่างๆ ที่ถูกขโมยในช่วงสงครามนั้นด้วย ซึ่งประเด็นนี้ยังไม่ค่อยได้รับการพูดถึงหรือตีแผ่เท่าไรนัก
ที่สำคัญที่สุด การแสดงของ Helen Mirren คือเหตุผลสำคัญที่ว่าทำไมเราถึงต้องดู Woman in Gold เฉกเช่นเดียวกับผลงานเรื่องอื่นๆ ของเธอ Helen Mirren ยังเป็นนักแสดงมากความสามารถที่สร้างสีสันอย่างมีเสน่ห์ให้กับหนัง และบทสุนทรพจน์ หรือ speech ที่เธอพูดในหนัง ก็พูดได้ดีกินใจ แต่ก็น่าเสียดายที่หนังตัดภาพไม่ค่อยดี มันจึงดึงอารมณ์ร่วมของคนดูออกมาได้ไม่สุด
อีกอย่าง มุกตลกหลายมุกหรือความน่ารักของป้า Helen Mirren ในเรื่อง ก็ถูกจับมาใส่ในเทรลเลอร์เกือบหมดแล้ว ในหนังจึงไม่ค่อยมีอะไรมาเซอร์ไพรส์คนดู นอกเหนือไปจากสำเนียงภาษาอังกฤษสไตล์อเมริกันเจือปนออสเตรียและการพูดภาษาออสเตรียของเธอในบางบริบทในเรื่อง เราแอบสงสัยด้วยนะว่า สรุป Helen Mirren นางพูดได้กี่ภาษา และพูดภาษาอังกฤษได้กี่สำเนียงกันแน่ เรื่องภาษานี่ต้องขอคารวะเธอเลยจริงๆ
นอกจากนี้ฉากใน Woman in Gold ยังเพิ่มดีกรีให้เราอยากไปเที่ยวยุโรปมากขึ้น โดยคราวนี้เพิ่มประเทศออสเตรีย (ไม่ใช่ออสเตรเลีย) ลงไปใน must-visit country list อีกหนึ่งประเทศ เพราะประเทศเขาสวยและมีมนต์ขลังน่าดึงดูดจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2015 เป็นต้นมา เราได้ดูหนังที่ based on true stories มาหลายเรื่องมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Foxcatcher, American Sniper, The Imitation Game, The Theory of Everything, หรือ Big Eyes (โดยเฉพาะเรื่องสุดท้ายที่เป็นแนวสตรีทวงคืนสิทธิโดยชอบธรรมของตนเหมือนกัน) เราจึงบอกได้เลยว่า Woman in Gold ควรทำได้ดีกว่านี้อีก
สรุป คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7/10
“Woman in Gold : ภาพปริศนา ล่าระทึกโลก” เปิดฉายรอบพิเศษ 16 เมษายนนี้ และเข้าฉายจริง 23 เมษายน ในโรงภาพยนตร์
45 comments